พลังงาน ย้ำตรึงค่าไฟฟ้า-น้ำมัน เป็นของขวัญปีใหม่ สำหรับปี 2568 จะพยายามลดค่าไฟฟ้าให้ต่ำกว่า 4.18 บาทต่อหน่วย พร้อมจ่ายหนี้คืนการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ชี้ปีหน้าเกิดกฎหมายใหม่ 2 ฉบับ ทั้งการสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์ (SPR) และ เปลี่ยนระบบกำกับราคาน้ำมันไม่ให้ปรับขึ้นลงรายวัน เน้นคิดราคาตามต้นทุนที่แท้จริง แทนการอ้างอิงราคาตลาดสิงคโปร์
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานเตรียมของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน ทั้งการพยายามตรึงราคาค่าไฟฟ้าให้อยู่ระดับไม่เกิน 4.18 บาทต่อหน่วย ของงวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 2568 รวมทั้งการตรึงราคาน้ำมันดีเซลเหมือนที่ดำเนินการมาโดยตลอด (ปัจจุบันภาครัฐตรึงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 33 บาทต่อลิตร)
ทั้งนี้ในส่วนของค่าไฟฟ้าในปี 2568 นั้น ทางภาครัฐจะพยายามทำให้ค่าไฟฟ้าต่ำกว่า 4.18 บาทต่อหน่วย เพื่อช่วยดูแลค่าครองชีพให้ประชาชน ขณะเดียวกันก็ตั้งใจว่าค่าไฟฟ้าทุกงวดจะต้องมีส่วนที่จ่ายคืนหนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่แบกรับค่าไฟฟ้าแทนประชาชนรวมเกือบ 1 แสนล้านบาทด้วย โดยนโยบายการตรึงค่าไฟฟ้าดังกล่าวได้หารือกับ กฟผ. และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) แล้ว เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่เป็นกลไกของภาครัฐ จึงต้องร่วมกันช่วยดูแลค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้ประชาชนด้วย
นอกจากนี้ในปี 2568 กระทรวงพลังงาน ยังเตรียมแก้ไขกฎหมายที่สำคัญ 2 ส่วน ได้แก่ ฉบับแรกคือ การเปลี่ยนระบบอ้างอิงราคาน้ำมันจากตลาดสิงคโปร์ มาเป็นการคิดราคาตามต้นทุนที่แท้จริง (Cost Plus) ซึ่งระบบนี้ปกติจะมีการเปลี่ยนแปลงราคาน้ำมันเพียงเดือนละครั้ง ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาการปรับขึ้นลงราคาน้ำมันรายวันที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้ เนื่องจากที่ผ่านมาไทยไม่มีกฎหมายที่จะหาต้นทุนราคาน้ำมันที่แท้จริงได้ จึงต้องไปอ้างอิงราคาน้ำมันสิงคโปร์แทน ดังนั้นถ้าสามารถค้นหาต้นทุนและค่าใช้จ่าย บวกกำไร ของธุรกิจน้ำมันในประเทศได้ ก็ไม่จำเป็นต้องอ้างอิงราคาน้ำมันจากตลาดต่างประเทศ
“ค่าไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซ ทำไม่กำหนดเปลี่ยนแปลงราคาทุก 4 เดือนได้ แต่ทำไมราคาน้ำมันทำไม่ได้ ก็เพราะไม่มีกฎหมายในส่วนนี้ไง ปัจจุบันราคาน้ำมันเปลี่ยนแปลงตามราคาน้ำมันโลกรายวัน แต่รู้ไหมว่าน้ำมันเขาซื้อมาตั้งแต่ 3 เดือนที่แล้ว เราต้องเปลี่ยนระบบใหม่ ซึ่งได้คุยกับผู้ค้าและโรงกลั่นแล้ว”
กฎหมายฉบับที่ 2 คือ กฎหมายการสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์ (SPR) ที่ผ่านมากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยเกิดวิกฤติราคาพลังงาน ปี 2515 โดยการนำเงินผู้ค้าน้ำมันลงขันกัน เมื่อเกิดปัญหาราคาน้ำมันก็จะใช้เงินไปชดเชยราคาให้ประชาชน แต่ปัจจุบันกลายเป็นว่า เก็บเงินจากประชาชนมาคืนให้ผู้ค้าน้ำมัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง นอกจากนี้การเรียกเก็บเงินจากประชาชนเพื่อมาชดเชยราคาน้ำมัน เป็นเรื่องยาก เพราะเก็บเงินอย่างไรก็ไม่เพียงพอเนื่องจากมูลค่าราคาน้ำมันขึ้นตลอด จนส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ ติดลบจำนวนมาก และสร้างหนี้ให้กับประเทศ
ดังนั้นกฎหมาย SPR จะเป็นการเก็บเป็นน้ำมันจากผู้ค้า แทนการเรียกเก็บเงินจากประชาชนเข้ากองทุนฯ และเมื่อมีปัญหาราคาน้ำมัน ก็จะนำน้ำมันที่เก็บไว้ออกมาใช้แทน และชดเชยโดยการนำน้ำมันมาคืน ดังนั้นต้นทุนราคาน้ำมันที่เกิดจากการเรียกเก็บเงินประชาชนส่วนนี้ก็จะหายไป
เบื้องต้นการสำรองน้ำมันตามมาตรฐานสากลจะอยู่ที่ 90 วัน หรือประมาณกว่า 3,000 ล้านลิตรต่อปี ซึ่งต้องให้ภาครัฐและเอกชนร่วมกันทำคลังเก็บน้ำมัน ซึ่งปัจจุบันไทยยังมีถังเก็บน้ำมันเหลืออยู่ 2,500 ล้านลิตรได้ ทั้งนี้กระทรวงพลังงานกำลังอยู่ระหว่างการเตรียมออกกฎหมายทั้ง 2 ฉบับในปีหน้าต่อไป