สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) นำโดย นายมานพ เกื้อรัตน์ เลขาธิการสมาพันธ์ฯ เดินทางไปยังประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือถึง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้ยกเลิกนโยบายการแปรรูปรัฐวิสาหกิจทุกรูปแบบ พร้อมทั้งเพิกถอนเอกสารสิทธิ์บริเวณ เขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งมีนายทุนและนักการเมืองครอบครองที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) อย่างไม่ชอบธรรม ปัจจุบัน รัฐวิสาหกิจทั้งหมด 52 แห่ง มีทรัพย์สินรวมประมาณ 18.4 ล้านล้านบาท และรายได้นำส่งรัฐปี 2567 รวม 175,000 ล้านบาท โดยมีพนักงานกว่า 214,860 คน แต่แนวนโยบายปัจจุบันกำลังผลักดันให้รัฐวิสาหกิจแข่งขันเชิงพาณิชย์ ส่งผลให้ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงบริการที่มีราคาถูกและเป็นธรรม สรส. ระบุว่าการแปรรูปรัฐวิสาหกิจเป็นการ เปลี่ยนเจตนารมณ์ดั้งเดิม ซึ่งเน้นการให้บริการเพื่อสาธารณประโยชน์ตามพระราชปณิธาน รัชกาลที่ 5 ไปสู่การแสวงหากำไรเพื่อตอบสนองกลไกตลาด นโยบายดังกล่าวยังเปิดโอกาสให้นักการเมืองและกลุ่มทุนแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน ส่งผลให้รัฐวิสาหกิจเผชิญวิกฤตและลดบทบาทลง หนึ่งในข้อเรียกร้องสำคัญของ สรส. คือการให้ กระทรวงมหาดไทย และ กรมที่ดิน เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ออกโดยมิชอบในพื้นที่ เขากระโดง ซึ่งเดิมเป็นที่ดินของการรถไฟฯ แต่กลับถูกครอบครองโดยกลุ่มนายทุนและนักการเมือง โดยที่ดินบางส่วนยังมีปัญหาหนี้สินคงค้างกว่า 288,000 ล้านบาทที่ยังไม่ได้ชำระคืนแก่การรถไฟฯ
สรส. ได้เสนอข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการรัฐวิสาหกิจและทรัพย์สินของรัฐ ดังนี้:
สรส. ย้ำว่า รัฐบาลซึ่งมาจากการเลือกตั้งต้องยึดมั่นในผลประโยชน์สาธารณะ และบริหารจัดการรัฐวิสาหกิจอย่างโปร่งใส เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงบริการที่จำเป็นและเป็นธรรม พร้อมกันนี้ต้องยุตินโยบายแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนและนักการเมือง
การยื่นหนังสือครั้งนี้จึงไม่เพียงเรียกร้องการแก้ปัญหาในเชิงโครงสร้าง แต่ยังเป็นการส่งเสียงถึงรัฐบาลว่า รัฐวิสาหกิจไม่ใช่ธุรกิจของรัฐ แต่คือกลไกสำคัญเพื่อความมั่นคงของชาติและคุณภาพชีวิตของประชาชน