กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จัดงาน Biz Club ESAN เชื่อมโยงผู้ประกอบธุรกิจสมาชิก MOC Biz Club ภาคอีสานทั้ง 20 จังหวัดเข้าร่วมพัฒนาความรู้เปิดมุมมองธุรกิจใหม่ๆ ที่จะไม่หยุด แค่ในประเทศ แต่พร้อมเดินหน้าสร้างโอกาสการค้าดินแดนลุ่มน้ำโขงสู่ตลาด CLMV จากศักยภาพของพื้นที่ ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับนักธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ต่อยอดไปสู่การเป็นเพื่อนแท้ทางธุรกิจที่เกื้อกูลซึ่งกันและกัน พร้อมโชว์ผลงานย้ำความสำเร็จของการจัดกิจกรรม MOC Biz Club ปี 60 สร้างมูลค่าการค้าได้กว่า 1.2 พันล้านบาท
นางกุลณี อิศดิศัย อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้จัดงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจ Biz Club ESAN ในระหว่างวันที่ 19-20 มีนาคม 2561 ณ โรงแรมอวานี ขอนแก่น แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ จังหวัดขอนแก่น เป็นกิจกรรมภายใต้โครงการสร้างความเข้มแข็งเครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club โดยกระทรวงพาณิชย์ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าดำเนินการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับท้องถิ่นหรือภูมิภาค (Local Economy) ร่วมกับพาณิชย์จังหวัด ผ่านกลไกเครือข่าย MOC Biz Club 77 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อสร้างความเข้มแข็งและเติบโตอย่างยั่งยืนให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะการเชื่อมโยงในแต่ละภูมิภาค มีกำหนดจัดใน 4 ภูมิภาค ที่ผ่านมาได้ดำเนินการจัดกิจกรรมแล้วจำนวน 2 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 ภาคเหนือ (17 จังหวัด) ณ จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 18 -19 มกราคม 61 และ ครั้งที่ 2 ภาคกลางและตะวันออก (26 จังหวัด) ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 17 - 18 มีนาคม 2561
อธิบดี กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในวันนี้เป็นการจัดกิจกรรม Biz Club ESAN ครั้งที่ 3 ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) มีจังหวัดผู้ประกอบการจาก 20 จังหวัดเข้าร่วมงาน และมีกำหนดจัดงานครั้งที่ 4 ในพื้นที่ภาคใต้ (14 จังหวัด) ณ จังหวัดภูเก็ต (ประมาณ เม.ย.61) ความพิเศษของการจัดกิจกรรมในครั้งนี้นอกจากจะได้รับความรู้จากผู้เชี่ยวชาญอย่างเต็มที่ และเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจระหว่างกันแล้ว จะมุ่งเน้นการเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบธุรกิจในภาคอีสานให้ ‘เปิดรับโอกาสและความร่วมมือด้านต่างๆ’ กับประเทศ ประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม CLMV ซึ่งมีพื้นที่ชายแดนติดต่อกับภาคอีสานของไทยส่งผลให้เกิดการค้าขายระหว่างกันสอดรับกับแนวทางของเครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club ที่เน้นพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถให้กับผู้ประกอบการฐานรากให้เติบโตได้ทั้งในประเทศและพร้อมแข่งขันกับต่างประเทศอย่างเข้มแข็ง”
สำหรับกิจกรรมจะเป็นการบรรยายที่น่าสนใจจากผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในแวดวงของธุรกิจ อาทิ หัวข้อ ภาพรวมเศรษฐกิจการค้า การลงทุนในภาคอีสาน ปี 2018 และแนวโน้มเศรษฐกิจ ทิศทาง โอกาสสู่สนามการค้าของผู้ประกอบการไทย, โอกาสและความร่วมมือทางการค้าดินแดนลุ่มน้ำโขงสู่ตลาด CLMV, การเชื่อมโยงและ ทำการค้าการลงทุนกับประเทศ สปป. ลาว กัมพูชา และจีน รวมไปถึงการเสวนาด้านการพัฒนาเชื่อมโยงความร่วมมือและทิศทางการขับเคลื่อนธุรกิจ จากประธานเครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club ในภาคอีสานด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ จะทำให้สมาชิกเครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club เกิดแนวความคิดและมองเห็นโอกาสในการทำธุรกิจที่ไม่ได้หยุด แค่เพียงในประเทศไทยและยังสามารถใช้ประโยชน์จากการมีภูมิภาคที่ติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านในการทำธุรกิจระหว่างประเทศ โดยอาศัยการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกันระหว่างสมาชิก MOC Biz Club ในท้องถิ่น อาทิ การเกื้อกูลกันในวัตถุดิบการผลิตสินค้าต่างๆ และธุรกิจด้านโลจิสติกส์ เป็นต้น
“ปัจจุบันเครือข่าย MOC Biz Club ในการส่งเสริมของกระทรวงพาณิชย์ทั้ง 77 จังหวัด มีสมาชิกจำนวน 10,535 ราย แบ่งเป็น 5 ภาคได้แก่ ภาคกลาง มีสมาชิก 3,403 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีสมาชิก 2,593 ราย ภาคเหนือ มีสมาชิก 2,537 ราย ภาคใต้ มีสมาชิก 1,318 ราย และภาคตะวันออก มีสมาชิก 684 ราย สำหรับประเภทธุรกิจที่สมาชิก MOC Biz Club ดำเนินกิจการมากที่สุด 5 อันดับคือ OTOP และวิสาหกิจชุมชน, เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ, อาหารและเครื่องดื่ม, สุขภาพและความงาม และสินค้าเกษตรและอาหารแปรรูป ตามลำดับ ทั้งนี้ การส่งเสริมการรวมกลุ่มสมาชิก MOC Biz Club จะเป็นการเปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบธุรกิจในท้องถิ่นที่อยู่ในพื้นที่เดียวกันได้รวมตัวกันเพื่อสร้างเครือข่ายและร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับศักยภาพของแต่ละพื้นที่ ช่วยสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันแก่ผู้ประกอบธุรกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็งจากภายใน (Strength form Within) เชื่อมโยงสู่ประชาคมโลก (Connect to the World) และเป็นพลังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก (Local Economy) ตามนโยบายของรัฐบาล ดังจะเห็นได้จากผลสำเร็จอย่างดียิ่งของการดำเนินงานด้านการส่งเสริม MOC Biz Club ตลอดปี 2560 ที่ผ่านมา สามารถสร้างพื้นที่นำเสนอสินค้าให้สมาชิก และการเจรจาธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศผ่านกิจกรรมต่างๆ จำนวน 1,373 ครั้ง ผู้เข้าร่วมงาน 9,188 ราย สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากถึง 1,273,456,796 ล้านบาท” อธิบดี กล่าวในท้ายที่สุด