ตามที่คณะกรรมการสรรหากรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)ได้จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการสรรหาฯเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2561 ที่รัฐสภา เพื่อพิจารณาคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามตามพรบ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 และพิจารณาความรู้ ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์และผลงานที่จะยังประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของ กสทช. ของผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ในแต่ละด้าน ตามประกาศคณะกรรมการสรรหากรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง กำหนดลักษณะของความรู้ ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์และผลงานของแต่ละด้านที่จะยังประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของ กสทช. ของผู้สมัครเข้ารับการสรรหาเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ พ.ศ.2560 แล้วนั้น
ต่อมาคณะกรรมการสรรหาได้พิจารณาลงมติเลือกผู้สมัครที่ผ่านการพิจารณาซึ่งอ้างว่ามีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามให้เหลือจำนวนสองเท่าของจำนวนกรรมการที่พึงจะมีในแต่ละด้าน (7 ด้าน จำนวน 14 คน) แล้วส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ไปแล้วนั้น
สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ติดตามตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของว่าที่ กรรมการ กสทช. ข้างต้น พบว่ามีบางรายมีคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ไม่เป็นไปตามมาตรา 7 แห่ง พรบ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 มีทั้งสิ้น 4 คน
สมาคมฯจึงจำต้องนำความพร้อมหลักฐานไปยื่นคำร้องต่อรองประธาน สนช. (สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย) เพื่อตรวจสอบความผิดพลาดที่ไม่ควรเกิดขึ้น ก่อนส่งรายชื่อให้ สภา สนช.รับรอง