การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) เปิดเผยแผนการดำเนินงาน ปีงบประมาณ 2568 เตรียมลงทุนกว่า 8.15 พันล้านบาท เพื่อวางท่อขยายเขตให้บริการน้ำประปา ปรับปรุงขยายระบบประปา เพิ่มประสิทธิภาพระบบท่อจ่ายน้ำ พัฒนาและปรับปรุงแหล่งน้ำ ก่อสร้างปรับปรุงกิจการประปา อปท. สร้างความเท่าเทียมและลดความเหลื่อมล้ำ สนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงน้ำประปาสะอาดเพื่อการอุปโภคและบริโภคอย่างทั่วถึง
นายจักรพงศ์ คำจันทร์ ผู้ว่าการ กปภ. เปิดเผยว่า ปัจจุบันให้บริการน้ำประปาแก่ประชาชน 6.44 ล้านครัวเรือน (จำนวนมาตรวัดน้ำ 5.46 ล้านราย) คิดเป็นประมาณร้อยละ 22 ของครัวเรือนทั้งประเทศ ดังนั้น เพื่อให้บริการน้ำประปาให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น กปภ. จึงมีการลงทุนขยายพื้นที่เขตให้บริการน้ำประปาอย่างต่อเนื่อง โดยในปีงบประมาณ 2568 (เดือนตุลาคม 2567 - กันยายน 2568) จะลงทุนโดยใช้เงินรายได้ของ กปภ. เงินกู้ และเงินอุดหนุนจากรัฐบาล วงเงินรวมกว่า 8.15 พันล้านบาท ได้แก่ โครงการก่อสร้างปรับปรุงขยายระบบประปารองรับความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มสูงขึ้น จำนวน 8 โครงการ อาทิ กปภ.สาขาพังงา - ภูเก็ต เกาะสมุย ระยะที่ 2 เชียงคาน แม่สาย เป็นต้น โครงการวางท่อขยายเขตจำหน่ายน้ำเพื่อรองรับการขยายตัวของชุมชน จำนวน 621 โครงการโครงการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพระบบท่อจ่ายน้ำเพื่อแก้ปัญหาน้ำสูญเสีย จำนวน 903 โครงการ โครงการก่อสร้างปรับปรุงกิจการประปา อปท. จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ อบต.บุฮม อ.เชียงคาน จ.เลย ในพื้นที่ กปภ.สาขาเชียงคาน ทต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ในพื้นที่ กปภ.สาขาพนมสารคาม และ ทต.มะขามคู่ อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง ในพื้นที่ กปภ.สาขาบ้านฉาง โครงการก่อสร้างปรับปรุงระบบประปาและอาคารเพื่อเสริมศักยภาพการจ่ายน้ำ จำนวน 228 โครงการ และโครงการก่อสร้างพัฒนาและปรับปรุงแหล่งน้ำ จำนวน 21 โครงการ
ผู้ว่าการ กปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า เป้าหมายการดำเนินงาน ของ กปภ. ในปีงบประมาณ 2568 คาดว่าจะมีจำนวนผู้ใช้น้ำรายใหม่ (จำนวนมาตรวัดน้ำ) เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 แสนราย ปริมาณน้ำจำหน่ายเพิ่มขึ้น 50 ล้านลูกบาศก์เมตร และควบคุมอัตราน้ำสูญเสียให้ไม่เกิน ร้อยละ 26.30 ซึ่ง กปภ. ได้เร่งรัดดำเนินโครงการก่อสร้างที่ดำเนินการอยู่อย่างเต็มที่ คาดว่าจะมีโครงการแล้วเสร็จในปีนี้ รวม 26 โครงการ ในหลายพื้นที่ อาทิ ชลบุรี ระยอง ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี สงขลา ตรัง เป็นต้น สามารถเพิ่มกำลังการผลิตน้ำประปาเพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต ส่งผลให้ครัวเรือนไทยเข้าถึงน้ำประปาสะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างสุขอนามัยที่ดีให้แก่ประชาชนได้ครอบคลุมและทั่วถึงมากยิ่งขึ้น