สถานการณ์การค้าชายแดนไทย-มาเลเซีย ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ มีมูลค่า 316,180 ล้านบาท ชะลอตัวร้อยละ 6.07 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากค่าเงินรองกิตอ่อนลงถึงร้อยละ 9.8 ทำให้ผู้นำเข้าชะลอการซื้อ ประกอบกับการส่งออกยางพารา และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของไทยมีมูลค่าลดลงตามราคาในตลาดโลก ส่งผลให้ 8 เดือนแรกไทยส่งออกสินค้าไปมาเลเซีย คิดเป็นมูลค่า 166,667 ล้านบาท ส่วนนำเข้าคิดเป็นมูลค่า 149,513 ล้านบาท ชะลอตัวร้อยละ 2.53 แต่ประเทศไทยยังได้ดุลการค้า 17,153 ล้านบาท
เมื่อเร็ว ๆนี้ นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงจากกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความคืบหน้าการก่อสร้าง ด่านศุลกากรสะเดาจังหวัดสงขลา พร้อมรับฟังข้อบรรยายการประชุมหารือการแก้ไขปัญหา/อุปสรรคด้านการค้าชายแดนไทย-มาเลเซียและการพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ร่วมกับส่วนราชการและตัวแทนภาคเอกชนในจังหวัดสงขลา
นางอภิรดี กล่าวว่า ได้มีการพิจารณาเรื่องที่สำคัญ ได้แก่ การผลักดันการค้าชายแดนในระยะเร่งด่วน (Quick Win) ในเรื่องการกำหนดเขตปลอดภาษี การพิจารณาจัดทำ VAT Refund และการขยายเวลาเปิดปิดด่านสะเดา นอกจากนี้ในที่ประชุมได้มีการพิจารณาความร่วมมือที่ทั้งสองประเทศจะต้องแก้ไขปัญหาร่วมกัน เช่น การจัดตั้งพื้นที่ควบคุมร่วมกันข้อตกลงASEAN Multi-Modal Transportation Agreement รถบรรทุกสินค้า 2 แผ่นป้ายทะเบียน และการขนส่งสินค้าเน่าเสียง่ายผ่านแดน
สำหรับการสนับสนุนการพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสงขลา ที่ประชุมได้มีการหารือโครงการ Liquidity Fund เพื่อเสริมสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบการค้าชายแดน และผ่านแดนขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) เช่น โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี โครงการประกันสินเชื่อระยะที่ 5
รวมถึงโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี ตลอดระยะเวลา 3 ปี โดยจังหวัดสงขลามีศักยภาพในการลงทุนสูง เนื่องจากได้รับการจัดตั้งให้เป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ เพื่อรองรับกับการขยายการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสงขลา อย่างไรก็ตาม จะหารือในความเป็นไปได้เพื่อเชิญชวนนักลงทุนจากประเทศมาเลเซีย ร่วมลงทุนกับนักลงทุนในพื้นที่ในธุรกิจที่มีศักยภาพ เช่น เกษตร ประมง สิ่งทอ เครื่องเรือน นิคมอุตสาหกรรม และโลจิสติกส์ เป็นต้น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยังได้ติดตามความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหาและลดอุปสรรคทางการค้าระหว่างไทยและมาเลเซีย โดยเฉพาะปัญหาความแออัดบริเวณด่านศุลกากรสะเดา จ.สงขลา ทั้งนี้เชื่อว่า หลังมีการปรับปรุงด่านให้มีความทันสมัย จะอำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างไทยและมาเลเซียมีความคล่องตัวยิ่งขึ้น สำหรับวงเงินก่อสร้างด้านศุลกากรแห่งใหม่ใช้งบประมาณรวม 2,388 ล้านบาท ใช้ระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี ตั้งแต่ปี 2559 - 2561 และคาดว่าจะสามารถเปิดใช้บริการได้เต็มศักยภาพในปี 2562 ส่วนอาคารตรวจผู้โดยสารที่ปรับปรุงใหม่จะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในสิ้นปีนี้
“ด่านศุลกากรสะเดา เป็นด่านที่มีมูลค่าการค้าชายแดนที่สูงเป็นอันดับหนึ่งของภูมิภาคประมาณ 3 แสนล้านบาท เมื่อรวมกันด่านปาดังเบซาร์ที่อยู่พื้นที่อ.สะเดาเหมือนกันจะมีมูลค่าการค้าชายแดนสูงถึง 5 แสนล้านบาทต่อปี ซึ่งล่าสุดในส่วนของด่านสะเดาส่วนขยายระยะที่ 1 ที่ก่อสร้างใหม่ด้วยงบประมาณ 77 ล้านบาท ซึ่งมีพื้นที่ 20 ไร่ ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการวางระบบ โดยเฉพาะเครื่องเอ็กซเรย์สัมภาระที่คาดว่าต้นปีหน้าจะสามารถเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการได้ และจะมีพื้นที่ให้บริการรวมกับพื้นที่เดิมเป็น 30 ไร่ ขณะที่ในส่วนของด่านสะเดาแห่งใหม่ซึ่งมีพื้นที่ 661 ไร่ 29 ตารางวามีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ”
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้กระทรวงฯตั้งเป้ามูลค่าการค้าขายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 ล้านล้านบาท หลังจากที่ได้มีการกระตุ้นและผลักดันการค้าชายแดนไทยกับประเทศเมียนมา ลาว และกัมพูชามาแล้ว ส่วนภาพรวมการค้าชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 652,966 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.45 โดยประเทศที่มีมูลค่าการค้าชายแดนสูงเป็นอันดับหนึ่ง คือ มาเลเซีย โดยมูลค่าการค้าระหว่างไทย - มาเลเซีย ในช่วง 8 เดือน มีมูลค่ารวม 316,180 ล้านบาท ลดลงเนื่องจากสินค้าส่งออกสำคัญของไทยส่งออกได้น้อย ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์จึงผลักดันสินค้าอื่นเข้ามาทดแทน เช่น สินค้ากลุ่มภาคบริการ การท่องเที่ยว และธุรกิจร้านอาหาร