นางคาวามูระ มากิ ที่ปรึกษาสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย และนายซัทชึยะ ซูซูกิ ผู้อำนวยการ JICA Thailand Office พร้อมด้วยคณะสื่อมวลชน เข้าร่วมชมความก้าวหน้าของโครงการในโอกาสเฉลิมฉลองความร่วมมือ 70 ปี โครงการความร่วมมือเพื่อการพัฒนา (ODA) ระหว่างไทยและญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 โดยหนึ่งในนั้นคือ โครงการโคเซ็น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (KOSEN KMUTT) หรือ KOSEN KMUTT ที่เป็นความร่วมมือกับองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่นประจำประเทศไทย (JICA Thailand Office) ในการสร้างบุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยี ผ่านกระบวนการเรียนรู้เชิงปฏิบัติ รองรับโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคตของประเทศ มาตั้งแต่ปี 2563
รองศาสตราจารย์ ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดี มจธ. กล่าวว่า "โครงการ KOSEN KMUTT เป็นตัวอย่างของการพัฒนาระบบการศึกษาที่มุ่งเน้นการเตรียมคนให้พร้อมสำหรับความต้องการในอนาคต นักเรียนของเราจะไม่เพียงมีความรู้ในเชิงวิชาการ แต่จะมีทักษะที่สามารถปรับใช้ในสถานการณ์จริงได้ และจากผลงานที่ได้เห็นจะสะท้อนถึงศักยภาพของนักเรียนไทยที่พร้อมจะก้าวสู่การเป็นผู้นำในยุคอุตสาหกรรมแห่งอนาคต"
นายซัทชึยะ ซูซูกิ ผู้อำนวยการ JICA Thailand Office กล่าวว่า ตลอดระยะเวลากว่า 4 ปีของความร่วมมือในโครงการนี้ ทั้งสองฝ่ายได้มุ่งมั่นสร้างนักศึกษาที่มีความรู้และทักษะที่ยอดเยี่ยม ความร่วมมือนี้ไม่เพียงแต่สร้างผลลัพธ์ที่น่าภาคภูมิใจ แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจที่สะท้อนถึงศักยภาพของการทำงานร่วมกันระหว่างไทยและญี่ปุ่น ด้านนางคาวามูระ มากิ ที่ปรึกษาสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ยังได้เน้นย้ำว่า โครงการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยยกระดับมาตรฐานการศึกษาในไทย แต่ยังเสริมสร้างสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นและยั่งยืนระหว่างไทยและญี่ปุ่นให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น
ดร.ก้องกาญจน์ วชิรพนัง ผู้อำนวยการสำนักงานห้องเรียนวิศว์-วิทย์ กล่าวว่า โครงการ KOSEN KMUTT ไม่ได้มุ่งหวังแค่ผลิตนักเรียนที่มีความรู้ทางวิชาการ แต่ยังเน้นสร้างบุคลากรที่มีความสามารถในการคิดเชิงสร้างสรรค์และประยุกต์ใช้ความรู้ในสถานการณ์จริง ด้วยการผสมผสานการเรียนรู้จากหลากหลายสาขาวิชา เช่น คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และวิศวกรรมศาสตร์ พร้อมนำระบบ Project-Based Learning มาใช้ อีกทั้งมีระบบการฝึกงานที่ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ร่วมกับภาคอุตสาหกรรม (Work Integrated Learning, WiL) ต่อเนื่องเป็นระยะเวลาถึง 4-6 เดือน เพื่อให้เข้าพร้อมสำหรับโลกของการทำงานยุคใหม่
โครงการ KOSEN KMUTT เป็นตัวอย่างสำคัญของการพัฒนาการศึกษาที่ตอบโจทย์อนาคต ผ่านความร่วมมือระหว่างไทยและญี่ปุ่น โครงการนี้ไม่เพียงเน้นการสร้างบุคลากรที่มีความรู้เชิงวิชาการและทักษะการปฏิบัติ แต่ยังเชื่อมโยงการเรียนรู้กับปัญหาในภาคอุตสาหกรรมจริง ด้วยระบบฝึกงานและหลักสูตรที่ออกแบบมาเฉพาะ ความร่วมมือดังกล่าวตอกย้ำถึงศักยภาพของการพัฒนาคนรุ่นใหม่ เพื่อสร้างความก้าวหน้าและความยั่งยืนให้กับประเทศไทยในระดับโลก
วัฒนะ แก้วก่า/สกลนคร รายงาน