เย็นวันนี้ (4 ธ.ค. 67) นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย นายวีระพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ , นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ , นายทนุเกียรติ จันทร์ชุม ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ และ Ms. Sabrina De Nadai ผู้แทนจาก UTMB ได้ร่วมกันแถลงข่าวถึงความพร้อมของจังหวัดเชียงใหม่ ในการเตรียมเปิดบ้านต้อนรับนักกีฬาวิ่งเทรลกว่า 7,000 คน จาก 80 ประเทศทั่วโลก ที่ได้เดินทางมายังเพื่อร่วมแข่งขันวิ่งเทรลในงาน Hoka Chiang Mai Thailand by UTMB หนึ่งในสามสนามเมเจอร์ระดับโลกของ UTMB World Series ในช่วงระหว่างวันที่ 5-8 ธันวาคม 2567 นี้ โดยมีจุดปล่อยตัว ที่ สวนสาธารณะหนองเขียว ของ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งอยู่บริเวณด้านหลังศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่
โดยการจัดกิจกรรมวิ่งเทรล Chiang Mai Thailand by UTMB ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 5 ปีก่อน ที่ บนดอยอินทนนท์ และได้จัดขึ้นต่อเนื่องทุกปีจนมาถึงปัจจุบันเป็นครั้งที่ 5 ซึ่งทางผู้จัดงานได้เลือกใช้สวนสาธารณะหนองเขียว ของ อบจ.เชียงใหม่ เป็นสถานที่จัดงาน เนื่องจากเป็นสถานที่ที่มีความพร้อมรองรับจำนวนผู้เข้าร่วมงานที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับบริเวณดังกล่าวอยู่ในช่วงของการจัดงานเทศกาลดอกไม้ Charming Chiang Mai Flower Festival และกิจกรรมเสริมอื่นๆ อีกมากมาย ที่นอกจากจะได้วิ่งออกกำลังกายแล้ว ยังจะได้ถือโอกาสร่วมงานที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงกิจกรรมที่สร้างสีสันและความสนุกสนาน เช่น เทศกาลอาหาร การแสดงดนตรี และตลาดท้องถิ่น ซึ่งสะท้อนถึงความพร้อมของจังหวัดเชียงใหม่ในการจัดงานที่ผสมผสานกีฬา วัฒนธรรม และการท่องเที่ยวได้อย่างลงตัว ทำให้ช่วยสร้างความประทับใจแก่ผู้ร่วมงานได้อีกทางด้วย
สำหรับความสำคัญของการแข่งขันครั้งนี้ในฐานะสนามเก็บคะแนน สนามเมเจอร์สุดท้ายของปีในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก จะเป็นสนามที่นักวิ่งจะนำคะแนนสะสมไปใช้สิทธิ์แข่งขันเข้าร่วมชิงแชมป์ที่เมืองชาโมนิค ประเทศฝรั่งเศส โดยมีนักกีฬาวิ่งเทรลเข้าร่วมกว่า 7,000 คน จาก 80 ประเทศทั่วโลก โดย 80% ของผู้เข้าร่วมเป็นนักวิ่งจากต่างประเทศ โดยเฉพาะนักวิ่งจากประเทศจีนที่มาเข้าร่วมแข่งขันกว่า 2,000 คน ทำให้การแข่งขัน Hoka Chiang Mai Thailand by UTMB ครั้งนี้ ไม่เพียงจะแสดงถึงศักยภาพของประเทศไทยในการจัดงานระดับโลก แต่ยังเป็นเวทีที่แสดงถึงความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในระดับนานาชาติอีกด้วย โดยคาดว่า จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้กว่า 1 พันล้านบาท