นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ออกคำสั่งใช้อำนาจตาม ม.44 ให้นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ยุติการอยู่ปฏิบัติหน้าที่ กกต. ว่า การใช้ ม.44 ถึงแม้จะเป็นสิทธิของหัวหน้า คสช. ที่จะทำได้ แต่ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง และรอบคอบ โดยเฉพาะการใช้ ม.44 กับ บุคคลในองค์กรอิสระยิ่งต้องพิจารณาเป็นพิเศษ เพราะจะก่อให้เกิดผลสะเทือนตามมาอีกมากมายหลายประการดังนี้
.
1) การใช้ ม.44 ปลดบุคคลใน กกต. ด้วยเหตุผลว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในการสัมภาษณ์สื่อมวลชนเกี่ยวกับกระบวนการ และกำหนดการเลือกตั้งที่อาจก่อให้เกิดความสับสน น่าจะเป็นการใช้อำนาจเกินสมควร เพราะการให้สัมภาษณ์ของคนเพียงคนเดียวคงไม่สามารถทำให้เกิดความสับสนได้ ถ้าไม่พูดอยู่บนพื้นฐานของเหตุผลที่เพียงพอ
.
ความสับสนของการเลือกตั้งน่าจะอยู่ที่พฤติกรรมของหัวหน้า คสช. และแม่น้ำ 5 สายมากกว่า ถ้าหัวหน้า คสช. มีความชัดเจนไม่พูดถึงการเลือกตั้งที่เลื่อนมาเรื่อยๆ ก็คงไม่มีผลก่อให้เกิดความสับสนแต่อย่างใดไม่ว่าใครจะพูดอย่างไรก็ตาม
.
2) การใช้ ม.44 ครั้งนี้อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการทำหน้าที่ของ กกต. ต่อไปในอนาคตว่าจะทำหน้าที่ด้วยความสุจริต และเที่ยงธรรมหรือไม่ เพราะ กกต. อาจทำหน้าที่ตอบสนอง คสช. เพื่อป้องกันตนเองไม่ให้ถูก ม.44 จนต้องพ้นออกจากตำแหน่งมากกว่า จะทำหน้าที่โดยสุจริตและเที่ยงธรรม
.
3) การใช้ ม.44 ปลดบุคคลในองค์กรอิสระที่ กกต. อาจทำให้เกิดคำถามว่าจะส่งผลต่อการทำหน้าที่ขององค์กรอิสระอื่นๆ ว่าจะทำงานให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่ต้องการให้องค์กรอิสระเป็นอิสระอย่างแท้จริง ปราศจากการแทรกแซงจากผู้มีอำนาจใดๆ ทั้งสิ้นหรือไม่
.
นายองอาจ กล่าวต่อไปว่า เหตุผลหนึ่งที่นายกฯ ปลดนายสมชัย คือเพื่อแก้ปัญหาความสับสน และอุปสรรคในการจัดการเลือกตั้งนั้น นายกฯ ต้องยอมรับความจริงว่าความสับสนที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ส่วนหนึ่งก็มาจากตัวท่านเองที่ประกาศช่วงเวลาเลือกตั้งเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่เป็นระยะ ขณะเดียวกันแม่น้ำ 5 สายที่นายกฯ ในฐานะหัวหน้า คสช. แต่งตั้งมากับมือก็มีการเล่นแร่แปรธาตุจนทำให้การเลือกตั้งมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นจนก่อให้เกิดความสับสนเช่นกัน เพราะฉะนั้นนายกฯ ในฐานะหัวหน้า คสช. ต้องแสดงความจริงใจต่อการกำหนดช่วงเวลาเลือกตั้งให้ชัดเจน ไม่ควรปล่อยให้มีการดำเนินการจนก่อให้เกิดความไม่แน่นอน และความสับสนเกิดขึ้นเช่นที่ผ่านมา เพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปได้ตามที่ทุกฝ่ายพึงประสงค์ต่อไป