ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
เกษตรนำไทย ย้อนกลับ
นายกสมาคมฯไก่ เผย 2567 ปีทองส่งออกเนื้อไก่ไทยยอดขายรวมพุ่งกว่าแสนล้านบาท
19 ธ.ค. 2567

นายกสมาคมฯไก่ เผย 2567 ปีทองส่งออกเนื้อไก่ไทยยอดขายรวมพุ่งกว่าแสนล้านบาทจากความต้องการลูกค้าทั่วโลก ชี้ระบบการผลิตดีจนเป็นที่ยอมรับดันอัตราเติบโตสูงกว่า 30% สูงสุดในรอบหลายปี คาดปี 68 โตได้อีก จี้ผู้ประกอบการรักษามาตรฐานฟู้ดเซฟตี้    

วันนี้ ดร.ฉวีวรรณ คำพา นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และประธานกรรมการบริหาร บริษัทในเครือฉวีวรรณ  ผู้ส่งออกเนื้อไก่รายใหญ่ของไทย ได้เปิดเผยถึงสถานการณ์การส่งออกเนื้อไก่ไทยในปี 2567 ว่าเติบโตกว่า 30% เมื่อเทียบกับช่วงหลายปีก่อน

ถือเป็นปีทองของการส่งออก จากปัจจัยเรื่องภาวะสงครามในหลายประเทศ ที่ทำให้ความต้องการบริโภคเนื้อไก่จากไทยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งผู้ประกอบการของไทยมีการพัฒนาระบบการผลิตที่ได้มาตรฐานทั้งตามหลักฮาลาน และตามหลักสากล จนสามารถสร้างความมั่นในเรื่องความปลอดภัยของอาหาร หรือฟู้ดเซฟตี้ให้กับคู่ค้าทั้งในตลาดยุโรป  จีน มาเลเซีย  และเกาหลี ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ 

โดยยอดการสั่งซื้อเนื้อไก่ของไทยในปี 2567 มีมากกว่าแสนล้านบาท  และยังทำให้หลายโรงงานที่ผลิตเนื้อไก่เพื่อการส่งออก มียอดคำสั่งซื้อยาวไปจนถึงกลางปีหน้า  

ดร.ฉวีวรรณ ยังบอกอีกว่าปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งเกินไปจนทำให้ในช่วงที่ผ่านมาสร้างความเสียหายต่อผู้ส่งออกโดยรวมหลายร้อยล้านบาท แต่ภายหลังจากที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับการเลือกให้กลับมาเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง ก็ดูเหมือนว่าความมั่นใจในการสั่งซื้อเนื้อไก่จากไทยมีมากตามไปด้วย  จนทำให้ปัญหาเรื่องค่าเงินเบาบางลง 

“ แต่สิ่งที่อยากบอกผู้ประกอบการของไทยก็คือ เรื่องมาตรฐานการผลิตและมาตรฐานความปลอดภัยทางอาหาร โดยเฉพาะเรื่องของฮาลาน ที่ผู้ผลิตเนื้อไก่จะต้องทำให้ดียิ่งขึ้น เพราะชาวมุสลิม มีเครือข่ายประชากรอยู่ทั่วโลก ดังนั้นหากไทยสามารถสร้างความมั่นใจในเรื่องดังกล่าวได้  รับรองว่าการส่งออกเนื้อไก่ไปต่างประเทศจะโชติช่วงอย่างแน่นอน”

ส่วนเรื่องการหาตลาดใหม่ผู้ประกอบการไม่เคยหยุดนิ่ง และยังพยายาม ที่จะขยายการส่งออกให้เพิ่มแต่หากได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลผู้ประกอบการก็พร้อมที่จะเปิดทุกตลาดที่เชื่อมั่นว่าเมื่อส่งออกไปแล้วจะไม่ขาดทุน โดยตลาดตะวันออกลาง ที่มีแนวโน้มดีขึ้น 

ดร.ฉวีวรรณ  ให้ความเห็นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของไทยในภาพรวมว่ายังมีความโชคดีที่แม้ว่าหลายประเทศจะมีสงคราม แต่ไทย ก็ยังเป็น จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวจีน ที่ในวันนี้ไม่เพียงแต่เข้ามาท่องเที่ยว แต่ยังมีการขยายการลงทุนเข้ามาในไทย ซึ่งแม้อาจจะกระทบต่อภาคการผลิตของไทยในเรื่องของการแข่งขันด้านราคา  

เพราะการเข้ามาของกลุ่มทุนจีนมีข้อได้เปรียบทั้งเรื่องเงิน และการนำแรงงานเข้ามาเอง แต่ผู้ประกอบการไทยก็ต้องพัฒนาตัวเองให้สามารถต่อสู้ได้แบบใครดีใครอยู่ 

“ เราไม่สามารถกีดกันไม่ให้เขาเข้ามาทำธุรกิจในบ้านเราได้ เพราะรัฐบาลเองก็มีนโยบายสนับสนุนให้ต่างชาติเขามาลงทุน แต่ภาครัฐก็ต้องให้ความสำคัญในเรื่องการส่งเสริมให้นักลงทุนไทยมีขีดความสามารถในการธุรกิจทางธุรกิจด้วย”

 ชี้ขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม 15  % ต้องดูความพร้อมของประชาชน

โดย ดร.ฉวีวรรณ ให้ความเห็นเรื่องแนวทางการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 7 % เป็น 15 % ของรัฐบาลว่า น่าจะเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการหารายได้ของรัฐเพราะที่ผ่านมารัฐบาลแจกเงินให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก และยังมีมาตรการที่จะแจกเงินให้กับประชาชนในอีกหลายกลุ่ม แต่ในภาวะที่ประเทศไทยยังไม่พร้อมที่จะดำเนินการในเรื่องนี้ รัฐบาลก็ควรที่จะค่อยๆ ดูสถานการณ์ทางเศรษฐกิจไปก่อน 

“ เพราะหากรีบร้อนจนเกินไปจะทำให้มีผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก เข้าใจว่ารัฐพยายามหาเงินเพื่อให้สมดุลกับรายจ่าย เช่นเดียวกับเรื่องการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ  400 บาท  ซึ่งหากผู้ประกอบการรับได้ก็ไม่มีปัญหา แต่หากในบางจุดที่ยังไม่สามารถจ่ายได้และยังเป็นหนี้สถาบันการเงินอยู่ และรัฐก็ไม่มีนโยบายช่วยเหลือ เรื่องการปล่อยกู้จากแบงก์รัฐ ซ้ำยังกำหนดมาตรการต่างๆ มาควบคุมผู้ประกอบการจนทำให้มีรายจ่ายเพิ่มก็ถือว่ายิ่งซ้ำเติมให้อยู่ลำบาก”

ดังนั้นสิ่งที่อยากฝากถึงรัฐบาลในเรื่องของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในปีหน้าว่า รัฐควรหันกลับมาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการให้สามารถสร้างผลผลิตที่มีคุณภาพทั้งภาคการเกษตรและการส่งออก เพื่อให้ได้คำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น  จึงจะเป็นผลดีทั้งต่อการปรับค่าแรงขั้นต่ำและการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มในอนาคต 

 

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 31 มกราคม 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
13 ม.ค. 2568
ตามรายงานของศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในสิงคโปร์ (thaibizsingapore.com) ระบุว่า สิงคโปร์เป็นประเทศคู่ค้าสำคัญอันดับที่ 8 ของไทย และไทยเป็นคู่ค้าอันดับที่ 10 ของสิงคโปร์ จากสถิติของกระทรวงพาณิชย์และกรมศุลกากร ปริมาณการค้าไทย-สิงคโปร์ ปี 2565 มีมูลค่ารวม 644,383 ...