วันที่ 2 เม.ย. 61 ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานวันแห่งครอบครัวประจำปี 2561 ชูแนวคิด “พลังครอบครัวไทยใจอาสา” พร้อมมอบโล่เชิดชูเกียรติครอบครัวร่มเย็นและรับมอบข้อเสนอมติสมัชชาครอบครัวระดับชาติ
พลเอก ฉัตรชัย กล่าวว่า การจัดงานวันแห่งครอบครัว ประจำปี 2561 จัดขึ้น เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติแก่ครอบครัว บุคคล และสื่อสารมวลชนที่ปฏิบัติงานด้านการส่งเสริมสัมพันธภาพและเสริมสร้างความเข้มแข็งของครอบครัว โดยท่านพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ได้ฝากความระลึกถึง และความปรารถนาดีถึงครอบครัวไทย และผู้ปฏิบัติงานด้านครอบครัวทุก ๆ ท่าน พร้อมแสดงความชื่นชม ยินดี และเป็นกำลังใจให้แก่ทุกครอบครัว รวมถึงสื่อที่ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นครอบครัวร่มเย็นในวันนี้ และขอให้ทุกท่านได้ร่วมกันเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศให้มีความมั่นคงเจริญก้าวหน้า
รัฐบาล ได้ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความเข้มแข็งของครอบครัว โดยกำหนดยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี เน้นการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคนตลอดทุกช่วงวัย รวมถึงการสร้างโอกาสความเสมอภาคและเท่าเทียมกันทางสังคม โดยได้ตระหนักถึงสถาบันครอบครัว ซึ่งเป็นหนึ่งในกลไกหลักหรือยุทธศาสตร์ที่สำคัญของรัฐบาลในการเสริมสร้างและพัฒนาคน เพื่อให้เป็นคนดี มีคุณธรรมจริยธรรม รู้จักบทบาทหน้าที่ของตนเอง และเป็นจิตอาสาเพื่อร่วมกันดูแล ป้องกัน แก้ไขปัญหาสังคม อันจะเกิดประโยชน์ต่อความมั่นคงแข็งแรงของสังคมไทย เพราะท้ายที่สุดแล้ว ทุกคนในประเทศต้องร่วมมือร่วมใจกันถึงจะทำให้ประเทศไทยไปสู่การพัฒนาและได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติต่อไป
พลเอก ฉัตรชัย กล่าวต่ออีกว่า นับตั้งแต่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้วันที่ 14 เมษายน ของทุกปี เป็น “วันแห่งครอบครัว” ประเทศไทยโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้จัดงานวันแห่งครอบครัวเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2547 และจัดเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน โดยงานวันแห่งครอบครัวในปีนี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “พลังครอบครัวไทยใจอาสา” เพื่อส่งเสริมให้ครอบครัวไม่ทอดทิ้งสมาชิกคนใดในครอบครัว รวมถึงไม่ทอดทิ้งครอบครัวใดในสังคมให้เผชิญปัญหาหรือภาวะวิกฤติเพียงลำพัง ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ (UN) นั่นคือ การพัฒนาที่ครอบคลุมถึงคนทุกกลุ่มโดยยึดถือหลักสำคัญว่า “No one left behind” หรือ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”
นายเลิศปัญญา บูรณบัณฑิต อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กล่าวว่า ภายในงานมีกิจกรรมสำคัญประกอบด้วย การมอบโล่เชิดชูเกียรติครอบครัวร่มเย็น และบุคคลที่มีผลงานดีเด่นด้านการพัฒนาสถาบันครอบครัว รวมจำนวนทั้งสิ้น 91 รางวัล โดยปีนี้มีครอบครัวผู้มีชื่อเสียงเข้ารับโล่เชิดชูเกียรติ เช่น ครอบครัวของร้อยตำรวจโท นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม หรือน้องต้น นฤบดินทร์ นักฟุตบอลทีมชาติไทยสังกัดสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นครอบครัวที่มีวิธีการเลี้ยงลูกแบบสมัยใหม่ ฝึกให้ลูกได้เรียนรู้และแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง ซึ่งพ่อและแม่จะคอยดูอยู่ไม่ห่าง หากมีปัญหาที่ลูกไม่สามารถแก้ไขได้โดยลำพัง พ่อและแม่ก็จะเข้ามาช่วยกันแก้ไข สมาชิกในครอบครัวจะรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ให้กำลังใจกันในยามที่มีปัญหาและเรื่องไม่สบายใจ สิ่งที่คุณพ่อเน้นย้ำและคอยปลูกฝังลูกๆ ทุกคน คือให้มีวินัย ขยัน มุ่งมั่น และอดทน และรายการ The Return of Superman Thailand เป็นรายการที่ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตประจำวันของความเป็นครอบครัว การเลี้ยงดูลูก สะท้อนถึงความรักและความเสียสละของคนที่เป็นพ่อแม่ ซึ่งบทสรุปที่สำคัญที่สุดคือ “ครอบครัวคือพื้นฐานความรักที่สำคัญและยิ่งใหญ่ที่สุด” และไม่ว่าจะพ่อหรือแม่ต่างก็เป็นคนสำคัญที่จะสร้างครอบครัวให้แข็งแรง โดยเราสามารถนำแนวคิดมาปรับใช้ในครอบครัวของตนเองได้ นอกจากนี้ยังมีครอบครัวของ ด.ญ.ชินารดี อนุพงษ์ภิชาติ (น้องใยไหม) ครอบครัวนายวิทวัส โลหะมาศ (พ่อตุลย์-แม่นุ่น) และครอบครัวนายเอนก จงเสถียร เป็นต้น จากนั้น รองนายกรัฐมนตรี พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รับมอบข้อเสนอมติสมัชชาครอบครัวระดับชาติ จากคณะผู้แทนสมัชชาครอบครัวแห่งชาติ และการนำเสนอผลงานวิจัย เรื่อง “ครอบครัวไทยจะอยู่ดีมีสุขได้อย่างไรในยุคไทยแลนด์ 4.0”โดยศาสตราจารย์ รุจา ภู่ไพบูลย์และคณะ นอกจากนี้ภายในงานจะมีนิทรรศการแสดงแนวคิดเกี่ยวกับสืบสานแนวพระราชดำริ “เราทำความดีด้วยหัวใจ” นิทรรศการครอบครัวร่มเย็น บุคคลดีเด่นด้านการพัฒนาครอบครัว นิทรรศการภาพถ่ายครอบครัวไทยใจอาสา บูทแสดงผลงานของเด็กที่ประสบความสำเร็จของศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัว กิจกรรม Learning Zone เสริมสร้างความสัมพันธ์ภายในครอบครัว และ บูทเติมเต็มความรู้ งานวิจัย และข้อมูลสถานการณ์ความรุนแรงในครอบครัว ผู้เข้าร่วมงาน 900 คน ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาคประชาชน ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้ปฏิบัติงานด้านครอบครัว ตัวแทนครอบครัวจากทุกจังหวัด และสื่อมวลชน นายเลิศปัญญา กล่าวในตอนท้าย