ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
ท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ ย้อนกลับ
ชัชชาติ ชวนแยกขยะก่อนเริ่มขึ้นค่าเก็บปลายปีนำเงินช่วยสูงวัย/ศึกษา
15 ม.ค. 2568

เมื่อวันที่ 14 มกราคม ที่ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมด้วยนายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าฯ กทม.และผู้บริหารด้านความยั่งยืนของ กทม. และ น.ส.วรนุช สวยค้าข้าว รองผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม แถลงความพร้อมการลงทะเบียน “บ้านนี้ไม่เทรวม: ลดขยะลดค่าธรรมเนียม” ทางแอพพลิเคชัน BKK Waste Pay ระบบรองรับการจัดเก็บขยะจากประชาชนที่ร่วมคัดแยกขยะ ตามที่กำหนดในข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ค่าธรรมเนียมการให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข พ.ศ. ….

นายชัชชาติกล่าวว่า ถือเป็นประวัติศาสตร์ที่ กทม.ได้ทำเรื่องนี้ ปัจจุบัน กทม.เสียค่าใช้จ่ายการจัดเก็บและกำจัดขยะประมาณ 7,000 ล้านบาทต่อปี เก็บเงินจากครัวเรือนได้จริง 500 ล้านบาทต่อปี หากเราสามารถลดลงให้เป็นศูนย์ได้ จะสามารถนำเงินไปใช้ในการศึกษาสาธารณสุข ดูแลผู้สูงอายุ

โดยที่ผ่านมา กทม.จัดเก็บขยะได้ประมาณวันละ 10,000 ตัน โดยเกือบ 50% เป็นเศษอาหาร ในปี 67 กทม.ชวนผู้ประกอบการรายใหญ่เข้าร่วมโครงการไม่เทรวม ช่วยแยกขยะ ลดได้ 10% แล้ว

 “ในปีนี้จึงอยากชวนประชาชนที่อาศัยตามบ้านเรือน คอนโด อพาร์ตเมนต์ต่างๆ เข้าร่วมการคัดแยกขยะ เพื่อช่วยเมืองไปด้วย”

“ต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะเป็นเรื่องของนิสัย ดังนั้นจึงต้องเริ่มแยกขยะได้เลยในวันนี้และไม่ต้องถามแยกเมื่อไหร่เริ่มกี่โมง เพราะสุดท้ายก็ไม่ได้ทำ โดยเริ่มที่ตัวเราง่ายๆ ด้วยการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการล่วงหน้าผ่านแอพพ์ BKK Waste Pay” นายชัชชาติกล่าว

ด้าน นายพรพรหม กล่าวเพิ่มเติมว่า จะเริ่มลงทะเบียนจริงวันที่ 1 สิงหาคมนี้ และคาดว่าจะ ประกาศใช้ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครเรื่องค่าธรรมเนียมการให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข พ.ศ…..ช่วงกลางปี หรือปลายปี 2568 จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่สนใจลงทะเบียนล่วงหน้าในการเข้าร่วมโครงการเพื่อสำนักงานเขตจะนำไประบุพิกัดบ้านที่มีการคัดแยกขยะ โดยจะมีการลงทะเบียนแบบเดี่ยวสำหรับบ้านเรือน และแบบกลุ่มสำหรับคอนโดอพาร์ตเมนต์ หมู่บ้านที่มีนิติบุคคลและกลุ่มชุมชน

นายพรพรหมกล่าวด้วยว่า เมื่อลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วในแอพพ์ จะมีช่องให้ผู้ที่เข้าร่วมโครงการถ่ายรูปขยะที่ทำการคัดแยกแล้วอัพโหลดลงระบบเพื่อให้มีตรวจสอบว่ามีการคัดแยกจริง โดยใช้ AI ทำหน้าที่ในการตรวจสอบรูปภาพว่าเป็นการคัดลอกมาจากผู้อื่นหรือไม่ รวมทั้งจะมีการติดสติ๊กเกอร์แสดงหน้าอาคารที่เข้าร่วมโครงการ และแจกถุงขยะสีเขียวให้ เพื่อคัดแยกว่าเป็นขยะเศษอาหาร จากนั้น ก็จะนำไปแยกเก็บและแยกกำจัดตามระบบของสำนักสิ่งแวดล้อมต่อไป

“ขยะที่ กทม.ขอความร่วมมือให้ประชาชนดำเนินการคัดแยกมี 4 ประเภท ประกอบด้วย ขยะเศษอาหาร ขยะรีไซเคิล ขยะอันตราย และขยะทั่วไป เช่น ซองขนม เศษผ้า แก้วกาแฟ ถุงแกง กล่องโฟม ถุงพลาสติก เป็นต้น” นายพรพรหมกล่าว

สำหรับ การจัดเก็บค่าธรรมเนียมอัตราใหม่ตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ค่าธรรมเนียมฯ (ฉบับใหม่) นี้ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มที่ 1 บ้านพักอาศัยทั่วไปที่มีปริมาณขยะไม่เกิน 20 ลิตรต่อวัน หรือไม่เกิน 4 กิโลกรัม หากไม่คัดแยกขยะจะจ่ายค่าธรรมเนียมรวม 60 บาท (ค่าเก็บและขนเดือนละ 30 บาท ค่ากำจัดเดือนละ 30 บาท) หากคัดแยกขยะและลงทะเบียนตามหลักเกณฑ์ที่ กทม.กำหนด จะจ่ายค่าธรรมเนียมเดือนละ 20 บาท (ค่าเก็บและขนเดือนละ 10 บาท ค่ากำจัดเดือนละ 10 บาท)

กลุ่มที่ 2 ปริมาณขยะเกิน 20 ลิตรต่อวัน แต่ไม่เกิน 1 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน หรือเกิน 4 กิโลกรัม แต่ไม่เกิน 200 กิโลกรัมต่อวัน จ่ายค่าธรรมเนียม 120 บาทต่อ 20 ลิตร (ค่าเก็บและขน 60 บาทต่อ 20 ลิตร ค่ากำจัด 60 บาทต่อ 20 ลิตร)

และ กลุ่มที่ 3 ปริมาณขยะเกิน 1 ลูกบาศก์เมตรต่อวันขึ้นไป หรือเกิน 1,000 ลิตร หรือเกิน 200 กิโลกรัมต่อวัน) จ่ายค่าธรรมเนียม 8,000 บาทต่อ 1 ลูกบาศก์เมตร (ค่าเก็บและขน 3,250 บาทต่อ 1 ลูกบาศก์เมตร ค่ากำจัด 4,750 บาทต่อ 1 ลูกบาศก์เมตร) ซึ่งกลุ่มที่ 2 และกลุ่มที่ 3 เมื่อมีการคัดแยกและนำขยะไปใช้ประโยชน์ จะส่งผลให้ปริมาณขยะที่ทิ้งให้ กทม.นำไปกำจัดลดลง อัตราค่าธรรมเนียมฯ ในการจัดการขยะก็จะลดลงตามไปด้วย

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 31 มกราคม 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
13 ม.ค. 2568
ตามรายงานของศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในสิงคโปร์ (thaibizsingapore.com) ระบุว่า สิงคโปร์เป็นประเทศคู่ค้าสำคัญอันดับที่ 8 ของไทย และไทยเป็นคู่ค้าอันดับที่ 10 ของสิงคโปร์ จากสถิติของกระทรวงพาณิชย์และกรมศุลกากร ปริมาณการค้าไทย-สิงคโปร์ ปี 2565 มีมูลค่ารวม 644,383 ...