จากมาตรการสร้างแรงจูงใจแก่ชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยสด 100% ซึ่งเป็นมาตรการต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ถือเป็นมาตรการเพิ่มรายได้จากใบและยอดอ้อย การให้เงินสนับสนุนการรับซื้อใบและยอดอ้อย เพื่อเป็นวัตถุดิบด้านพลังงานป้อนโรงงานผลิตไฟฟ้าชีวมวล เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยเห็นคุณค่าและประโยชน์ของใบและยอดอ้อย
โดยจะช่วยลดการเผาอ้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดสาเหตุของการเกิดฝุ่น PM 2.5 ลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสุขภาพอนามัยของประชาชน และเป็นการสร้างบรรยากาศที่ดีในการขับเคลื่อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ รวมทั้งยกระดับผลผลิตของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายสู่อุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่
นายใบน้อย สุวรรณชาตรี เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เปิดเผยว่า คาดการณ์ปริมาณอ้อยในฤดูการผลิตปี2567/2568 จะมีปริมาณอ้อยเข้าหีบจำนวน 93 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากฤดูการผลิตปี 2566/2567 ที่มีปริมาณอ้อยเข้าหีบที่ 82 ล้านตัน
ทั้งนี้ จากสถิติการรับอ้อยเผารายวันของโรงงานน้ำตาล 58 แห่งทั่วประเทศ ณ วันที่ 16 ม.ค. 2568 (รวมวันเปิดหีบ 42 วัน) พบว่าปริมาณอ้อยเข้าหีบ ทั้งสิ้น 33,710,317.675 ตัน แบ่งเป็นปริมาณอ้อยสด 27,401,241.740 ตัน สัดส่วน 81.28% และอ้อยไฟไหม้ 6,309,075.935 ตัน สัดส่วน 18.72%
อย่างไรก็ตาม สัดส่วนอ้อยเผาที่โรงงานน้ำตาลรับซื้อขณะนีคิอเป็น 18.72% โดย 10 โรงงานที่รับซื้ออ้อยไฟไหม้สูงกว่าปริมาณรับซื้ออ้อยสด แบ่งเป็น
1. โรงงานอุตสาหกรรมน้ำตาลสุพรรณบุรี จ.สุพรรณบุรี รับซื้ออ้อยถูกเผา 51% 2. โรงงานน้ำตาลที.เอ็น รับซื้ออ้อยถูกเผา 47% 3. โรงงานน้ำตาลไทยอุดรธานี จ.อุดรธานี รับซื้ออ้อยถูกเผา 43% 4. โรงงานน้ำตาลขอนแก่น จ.ขอนแก่น รับซื้ออ้อยถูกเผา 36%
5. โรงงานน้ำตาลสิงห์บุรี รับซื้ออ้อยถูกเผา 34% 6. โรงงานน้ำตาลระยอง (ชัยภูมิ) รับซื้ออ้อยถูกเผา 33% 7. โรงงานน้ำตาลมิตรกาฬสินธุ์ รับซื้ออ้อยถูกเผา 30% 8. โรงงานน้ำตาลสหเรือง รับซื้ออ้อยถูกเผา 31% 9. โรงงานน้ำตาลไทยรุ่งเรืองคอร์ปอเรชั่น รับซื้ออ้อยถูกเผา 29% และ 10.โรงงานน้ำตาลอีสาน รับซื้ออ้อยถูกเผา 29%
สำหรับอันดับจุดความร้อนสูงสุด แบ่งเป็น อันดับ 1. กาฬสินธุ์ 2. ขอนแก่น 3. สุพรรณบุรี 4. อุดรธานี 5. ชัยภูมิ 6. ลพบุรี 7. เลย 8. นครสวรรค์ 9. กาญจนบุรี และ 10. สระแก้ว
นายใบน้อย กล่าวว่า แนวโน้นการตัดอ้อยเผาฤดูหีบปี 2567/2568 คาดว่าจะมีแนวโน้มลดลงจากปีที่ผ่านมาเฉลี่ยประมาณกว่า 10% จากเป้าที่ตั้งไว้ที่ 25% โดยฤดูหีบอ้อยปี 2566/2567 มีปริมาณอ้อยที่เผาส่งเข้าโรงงานเฉลี่ยสูงถึง 30% ทั้งนี้ จะต้องจับตาดูเพราะตอนนี้เพิ่งเปิดหีบอ้อยได้เพียงแค่ 40 กว่าวันเท่านั้น แต่ค่าเฉลี่ยโดยรวมอยู่ที่ระดับ 18%
"ปัญหาอ้อยเผายังคงมีปริมาณที่สูงในภาคอีสานตามปริมาณของพื้นที่เพะปลูกอ้อย ซึ่งปริมาณอ้อยที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ส่วนหนึ่งมาจากฤดูที่หนาวนานกว่าปีก่อนๆ และปริมาณน้ำที่มากกว่าปีก่อนๆ ทำให้อ้อยมีความอุดมสมบูรณ์รวมถึงปริมาณของน้ำตาลที่มีอยู่ในอ้อยน่าจะสูงอยู่ที่ราว 11.77 CCS"
สำหรับมาตรการสร้างแรงจูงใจแก่ชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยสด 100% เป็นมาตรการต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยจะมีการจ่ายเงินสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อย ในอัตรา 69 บาทต่อตัน สำหรับมาตรการเพิ่มรายได้จากใบและยอดอ้อยเป็นมาตรการใหม่
โดยจะเพิ่มราคารับซื้อใบและยอดอ้อยอีกตันละ 300 บาท จากราคาตลาดปัจจุบันที่มีการรับซื้ออยู่ที่ตันละ 900 บาท ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้เพิ่มให้กับผู้เก็บเกี่ยวอ้อยสดที่มีการขายใบและยอดอ้อยได้อีก 51 บาทต่อตันอ้อย
ทั้งนี้ นโยบายการสร้างแรงจูงใจในการทำให้ใบและยอดอ้อยมีมูลค่าเพิ่มและถูกนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างถูกวิธี ขณะเดียวกันจะเป็นการส่งเสริมให้อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลของไทยยกระดับการดูแล รักษาคุณภาพด้านสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นการลดฝุ่น PM 2.5 และร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมในการก้าวสู่การเป็น Zero Wastes
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลการรวบรวมปริมาณใบและยอดอ้อยต่อขนาดพื้นที่ 1 ไร่ ผลผลิตอ้อยเฉลี่ย 10 ตัน จะสามารถรวบรวมใบและยอดอ้อยเพื่อขายได้ 1.7 ตัน (ชาวไร่อ้อยที่เป็นผู้รับขาย และผู้ประกอบการโรงงานผลิตไฟฟ้าชีวมวลที่เป็นผู้รับซื้อ) โดยการเพิ่มราคาขายแก่ชาวไร่อ้อยในอัตราตันละ 200 บาท และเพิ่มให้แก่ผู้รับซื้อในอัตราตันละ 100 บาท โดยชาวไร่อ้อยจะยังคงมีรายได้เพิ่มในส่วนนี้อีก 34 บาทต่อตันอ้อย
"จากข้อมูลการรับซื้อใบอ้อยราว 1.5 ล้านตันใบอ้อย ซึ่งแน้วโน้มหากมีการอนุมัติงบประมาณจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในการสนับสนุนชาวไร่อ้อย ก็จะทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น มีแรงจูงใจในการตัดอ้อยสด งดการเผาใบอ้อย แก้ปัญหาได้ทั้งระบบ ลดฝุ่น PM.2.5 ด้วย" นายใบน้อย กล่าว
รายงานข่าวระบุว่า คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (บอร์ด กอน.) ปี 2567 ที่ผ่านมาได้มีมติออกมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ซึ่งเป็นมาตรการรูปแบบใหม่ที่แตกต่างจากมาตรการในอดีตที่ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะจูงใจให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยลดการลักลอบเผาอ้อยได้ ซึ่งเชื่อมั่นว่ามาตรการใหม่นี้จะสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยสด 100% ผ่านกลไกการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับใบและยอดอ้อย
ทั้งนี้ เกษตรกรชาวไร่อ้อยจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขายใบและยอดอ้อย โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรม เสนอของบประมาณจากรัฐบาลประมาณ 7,000 ล้านบาท เพื่อให้การสนับสนุนและดูแลเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่เก็บเกี่ยวอ้อยสดคุณภาพดี โดยชาวไร่อ้อยจะมีรายได้เพิ่มประมาณ 120 บาทต่อตันอ้อย และถือเป็นครั้งแรกที่ได้มีการแจ้งมาตรการก่อนการเปิดหีบอ้อย
อย่างไรก็ดี บอร์ด กอน. ได้มีมติเห็นชอบมาตรการป้องปรามการลักลอบเผาอ้อย โดยกำหนดให้หักเงินชาวไร่อ้อยที่ส่งอ้อยถูกลักลอบเผาในแต่ละวันเป็นรายโรงงาน จากเดิมถูกหักเงินจำนวน 30 บาทต่อตันอ้อย เป็นถูกหักเงิน 30 - 130 บาทต่อตันอ้อย ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดการลักลอบเผาอ้อยได้อย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ เพื่อให้อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายเป็นอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสามารถแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 อย่างยั่งยืน ตามนโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรรม” ของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม