คุณประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) มีมุมมองคำจำกัดความ หนี้สาธารณะ เพี้ยนมาตั้งแต่สม้ยจอมพลสฤษดิ์ เพราะในสมัยนั้นเราไม่มีเงินสำรองเงินตราต่างประเทศ
ทำไมไม่แก้คำจำกัดความของคำว่าหนี้สาธารณะว่าเป็นหนี้ของรัฐบาลที่กู้จากหน่วยงานที่ไม่ใช่ของรัฐบาลไทย หนี้ที่รัฐบาลกู้จากธนาคารแห่งประเทศไทยหรือหน่วยงานของรัฐควรแก้ว่าเป็นหนี้ของรัฐบาลที่ไม่ใช่หนี้สาธารณะ
การแก้ไขคำจำกัดความนี้ ทำตามคำจำกัดความของimf และusa
ถ้ารัฐบาลแก้คำจำกัดความของคำว่าหนี้สาธารณะ รัฐบาลก็จะสามารถกู้เงินจากแบงค์ชาติได้ ทั้ง 3 ล้านล้านบาท ดอกเบี้ย1.5%ต่อปี โดยไม่ต้องเสียเงินตราต่างประเทศขณะเดียวกันแบงค์ชาติก็จะกำไรดอกเบี้ยที่รัฐบาลจ่ายให้ ในขณะเดียวกันรัฐจะสามารถสั่งให้จีนหรือญี่ปุ่นมาตั้งโรงงานประกอบรถไฟในไทยได้และต่อรองราคาโครงสร้างพื้นฐานได้อีกด้วย
การที่ธนาคารแห่งประเทศไทยพิมพ์ธนบัตรอีก 3 ล้านล้านบาทก็ไม่เสียวินัยทางการเงินเพราะมีเงินสำรองเงินตราต่างประเทศครบ ในขณะเดียวกันกระทรวงการคลังออกพันธบัตรไปกู้จากแบงค์ชาติ ก็สามารถทำได้ เพราะว่าการกู้เงินเข้ามาจากต่างประเทศหรือกู้เงินจากธนาคารแห่งประเทศไทยก็คือกู้เงินเข้ามาใช้ในระบบเพื่อสร้างinfradtructure เพื่อความอยู่ดีกินดีในอนาคตอยู่ดีเพราะฉะนั้นก็ไม่ได้มีการเสียวินัยทางการคลังแต่อย่างใดถ้ามีการแก้ไขคำว่าหนี้สาธารณะให้เรียบร้อย
ในทางตรงกันข้าม ถ้ารัฐบาลไม่แก้คำจำกัดความให้กระทรวงการคลังกู้จากธนาคารแห่งประเทศไทยได้ถือว่าการละเลยการปฏิบัติหน้าที่
1.ธนาคารแห่งประเทศไทย
สามารถออกพันธบัตรหรือพิมพ์ธนบัตรได้ โดยมีเงินตราต่างประเทศหรือทองคำค้ำประกัน และในขณะนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีเงินสำรองเงินตราต่างประเทศอยู่ 158,000 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 5.5 ล้านล้านบาท ในขณะที่มีธนบัตรหมุนเวียนอยู่ หรือ MI MONEY SUPPLY อยู่ 1.6 ล้านล้านบาท ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถออกบัตรหรือพิมพ์ธนบัตรได้อีก 3 ล้านล้านบาทเป็นอย่างต่ำ
2.กระทรวงการคลัง
รัฐบาลโดยกระทรวงการคลังไม่สามารถกู้เงินจากสาธารณะหรือเป็นหนี้สาธารณะได้ไม่เกิน 60% ของ จีดีพี และขณะนี้เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังตีความหมายของคำว่า หนี้สาธารณะ คือหนี้ของรัฐบาล ซึ่งไม่ใช่ความหมายที่รัฐบาลอเมริกา และ IMF ใช้อยู่ หนี้ของรัฐบาลอาจประกอบด้วยหนี้ที่กู้จากสาธารณะและกู้จากธนาคารแห่งประเทศไทย ถ้ารัฐบาลถือว่าหนี้ที่รัฐบาลกู้จากธนาคารแห่งประเทศไทย 3 ล้านล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ย1.5% ต่อปี ธนาคารแห่งประเทศไทยก็สามารถเก็บดอกเบี้ย โดยประเทศไทยไม่ต้องส่งเงินตราต่างประเทศไปชำระค่าดอกเบี้ย
และรัฐบาลไทยสามารถสั่งการให้ผู้ขายรถไฟฟ้าชาวจีนหรือญี่ปุ่น มาตั้งโรงงานเพื่อผลิตรถไฟฟ้าในประเทศไทยได้ เป็นการสร้างงานให้คนไทย เพราะปีหน้าน้ำแล้ง คนงานภาคเกษตรจะไม่มีงานทำต้องหางานมาให้ ประเทศชาติจะมั่นคง ประชาชนจะมั่งคั่ง