ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
การเมือง / การปกครอง ย้อนกลับ
นายกฯ ย้ำใน ครม. ทุกกระทรวงทำงบประมาณ 69 ต้องประหยัดและคุ้มค่าตรงความต้องการของประชาชน
28 ม.ค. 2568

นายกฯย้ำใน ครม. ทุกกระทรวงทำงบประมาณ 69 ต้องประหยัดและคุ้มค่าตรงความต้องการของประชาชน ส่วนโครงการสำคัญของประเทศต้องเร่งดำเนินการ ทั้งรถไฟความเร็วสูง อีสาน รางคู่ ภาคใต้ ขณะที่ ผลประชุมดาวอส ที่ประชุมครม. ชื่นชมประเทศไทยได้อะไรมากกว่าที่คิด

วันนี้ (28 มกราคม 2568) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุม คณะรัฐมนตรีครั้งที่ 4 ประจำปี 2568 นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในการประชุม ดังนี้  

นายกรัฐมนตรี ได้สรุปผลของประเทศไทยจากการร่วมประชุม World Economic Forum 2025 ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ถือว่าเป็นการนำเอาศักยภาพของไทยในด้านต่าง ๆ ทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และวัฒนธรรม ไปโชว์ในเวทีโลกครั้งนี้ ซึ่งคณะรัฐบาล และผู้แทนประเทศไทยในทุกภาคส่วนได้มีโอกาสพบผู้นำระดับประเทศหลายประเทศ เช่น บังกลาเทศ ภูฏาน มอนเตเนโกร สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ อาร์เมเนีย รวมถึงผู้นำภาคเอกชน เช่น Google, Bayer, DP world, Coca-Cola, AstraZeneca และ AWS รวมๆ แล้วกว่า 20 รายการตลอดการประชุม 3 วัน ซึ่งประเทศไทยได้แสดงถึง ศักยภาพของไทย 3 ด้าน คือ

- Logistic hub of Asia โดยเชิญชวนนักลงทุนว่าประเทศไทยมีที่ตั้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ได้เปรียบ มีความมั่นคง และเป็นกลางทางการเมือง รัฐบาลจึงได้สานต่อโครงการ LandBridge รถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ รวมถึง Aviation hub ที่จะมีการสร้างสนามบินขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นการต่อยอดจากนโยบายในรัฐบาลนายกฯ นายเศรษฐา ทวีสิน โดยขอให้กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนและเร่งรัดกระบวนการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ Landbridge เพื่อให้เกิดความชัดเจน ทั้งในเรื่องแผนงาน และกรอบระยะเวลาของโครงการต่อไป

 - Kitchen of the World รัฐบาลได้มุ่งเน้นที่จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นแหล่งความมั่นคงทางอาหาร หรือ Food Security สู่การเป็น World Food storage เพราะไทยมีผลผลิตทางการเกษตรที่เพียงพอและมั่นคง ซึ่งจะเป็น soft power ที่สำคัญของไทย ขอให้ ประทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ จัดทำแผนร่วมกันเพื่อให้เกิดการส่งออกสินค้าเกษตรไทย และวัตถุดิบอาหารไทย ไปยังตลาดโลกเพิ่มมากขึ้นทั้งในแง่ปริมาณ และมูลค่าการส่งออก

 - Green energy resources ประเทศไทยพร้อมในการผลักดันด้านพลังงานสะอาด รองรับการลงทุนจากบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก เช่น AWS, Google, Microsoft โดยพลังงานสะอาดถือเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจลงทุน ขอให้ กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งจัดทำแผน และแนวทางในการสร้างพลังงานสะอาด ที่เพียงพอต่อความต้องการของนักลงทุนจากต่างชาติ

นอกจากนั้น การเดินทางไปครั้งนี้ยังเป็นการเปิดโอกาสธุรกิจใหม่ๆ นายกรัฐมนตรีได้แนะนำให้ประเทศต่าง ๆ เห็นถึงศักยภาพที่มีอยู่ของประเทศไทย โดยได้มีการทำ Business Matching ที่จะให้บริษัทของไทย และต่างประเทศได้มีการร่วมทำธุรกิจ ตลอดจนหาแนวทางที่จะยกระดับศักยภาพของคนไทย Upskill / Reskill เพื่อรองรับ Future Industry ที่จะเกิดการลงทุนในไทย    

นายกรัฐมนตรี กล่าวในที่ประชุมว่าผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรมในการประชุมสำคัญระดับโลกครั้งนี้ คือ การลงนาม FTA Thai-EFTA ได้สำเร็จลุล่วงโดย กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งจะทำให้การค้าการลงทุนของประเทศไทยกับประเทศอื่น ๆ มีศักยภาพที่เพิ่มขึ้น ขอให้ กระทรวงพาณิชย์ และ กระทรวงการต่างประเทศ เร่งรัดการเจรจา FTA ในเขตการค้าอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ETA Thai-EU ให้สำเร็จโดยเร็ว           

สำหรับข้อสั่งการที่ 2  เป็นเรื่องครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-จีนขอให้ทุกกระทรวงดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามภารกิจของกระทรวง เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศให้แนบแน่นยิ่งขึ้น เช่น

- ให้ กระทรวงมหาดไทยพิจารณาสถาปนาความสัมพันธ์แบบเมืองพี่เมืองน้องระหว่างจังหวัดของไทยกับเมืองหรือมณฑลกับประเทศจีน ที่ปัจจุบันมีอยู่แล้วถึง 38 คู่ความสัมพันธ์ โดยเพิ่มเป็น 50 คู่ความสัมพันธ์

- ให้ กระทรวงคมนาคม พิจารณาเร่งรัดกรณีเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมระหว่างไทยและ สปป. ลาว ซึ่งเป็นประเด็นที่ประเทศจีนได้ร้องขอให้ดำเนินการมาเป็นระยะเวลานานแล้ว

- ให้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจัด Promotion ส่งเสริมการท่องเที่ยว ไทย-จีน

ข้อสั่งการที่ 3 เรื่อง ปัญหา PM 2.5 ขอให้แต่ละกระทรวง นำเสนอว่ามีมาตรการอะไรบ้าง และขอย้ำกับทาง กระทรวงอุตสาหกรรม ในเรื่องอ้อย ซึ่งยังเห็นการเผาไร่อ้อยในบางพื้นที่ ขอให้ทาง กระทรวงอุตสาหกรรมกวดขันเรื่องนี้ และหามาตรการเพิ่มเติมเพื่อลดการเผา ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของ PM 2.5

ข้อสั่งการเรื่องที่ 4  ให้ดำเนินการศึกษาเส้นทางรถไฟทางคู่ ช่วง อ.หาดใหญ่ไปยัง อ.สุไหงโกลกจากการที่นายกรัฐมนตรี ไปตรวจราชการ และมีการประชุมที่จังหวัดยะลา การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เสนอเส้นทางรถไฟทางคู่ ระยะที่สอง ซึ่งเป็นการดำเนินการ ต่อจากระยะที่หนึ่ง เพื่อเป็นการลดต้นทุนโลจิสติกส์ ทั้งในด้านการขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร ซึ่งโครงการรถไฟทางคู่ระยะสองนั้น ขอให้การรถไฟฯ ดำเนินการศึกษาเพิ่มเติมในเส้นทางรถไฟทางคู่ ช่วงหาดใหญ่ไปยังสุไหงโกลก โดยขอให้สำนักงบประมาณช่วยสนับสนุนงบประมาณในการศึกษา และออกแบบเบื้องต้นตามที่จำเป็น และเหมาะสม เป็นไปตามกฎหมาย

ข้อสั่งการเรื่องที่ 5 เรื่อง การเสนอคำขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2569 ในวันนี้มีหน่วยรับงบประมาณที่เสนอคำขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2569 รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีที่มีวงเงินตั้งแต่ 1000 ล้านบาทขึ้นไปเป็นจำนวนมาก ในขณะที่วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 มีอยู่อย่างจำกัด และมีภาระหนี้ที่เกือบชนเพดาน ตลอดจนเกิดภาระหนี้ผูกพันข้ามปีเป็นจำนวนมาก

ดังนั้น เพื่อให้การจัดสรรงบประมาณมีประสิทธิภาพ และสามารถขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาลได้อย่างเป็นรูปธรรม และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนตามนโยบายที่ได้ให้ไว้ขอมอบหมาย ดังนี้

1. ให้รัฐมนตรี เจ้าสังกัดทุกท่านกำกับดูแลหน่วยรับงบประมาณให้จัดทำคำขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่า และเกิดประโยชน์สุงสุดแก่ประชาชน รวมทั้ง พิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้สอดคล้องกับนโยบายสำคัญของรัฐบาลตลอดจนให้หน่วยรับงบประมาณที่มีเงินนอกงบประมาณ พิจารณานำเงินนอกงบประมาณ เงินรายได้ และเงินสะสม มาใช้ในการดำเนินภารกิจเป็นลำดับแรก

2. ให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 โดยให้ความสำคัญกับโครงการที่ขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาล มีความจำเป็นเร่งด่วน สามารถแก้ไขปัญหาความเป็นอยู่ของประชาชน และสร้างความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวของประเทศต่อไป

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 31 มกราคม 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
13 ม.ค. 2568
ตามรายงานของศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในสิงคโปร์ (thaibizsingapore.com) ระบุว่า สิงคโปร์เป็นประเทศคู่ค้าสำคัญอันดับที่ 8 ของไทย และไทยเป็นคู่ค้าอันดับที่ 10 ของสิงคโปร์ จากสถิติของกระทรวงพาณิชย์และกรมศุลกากร ปริมาณการค้าไทย-สิงคโปร์ ปี 2565 มีมูลค่ารวม 644,383 ...