ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
ธรรมาภิบาล ย้อนกลับ
มติก.ต.ตั้งสอบวินัยร้ายเเรง 2 อดีตผู้บริหารศาลอธิบดี-รองอธิบดีศาล
29 ม.ค. 2568

วันที่ 28 ม.ค. 2568 อาคารศาลยุติธรรม ถนนราชดำเนินใน  ที่ห้องประชุมราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ชั้น 3 นางชนากานต์ ธีรเวชพลกุล ประธานศาลฎีกาเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม(ก.ต.) ครั้งที่ 4/2568โดยที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบ ดังนี้ 1.เห็นชอบบัญชีโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการตุลาการ ในวาระพิเศษ ชั้น 4 สับเปลี่ยนตำแหน่ง (บัญชีวาระพิเศษ) แก้ไขจำนวน 3 ตำแหน่ง เลื่อนชั้น 3 เป็นชั้น 4 และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง 1 ตำแหน่ง ชั้น 4 สับเปลี่ยนตำแหน่ง (บัญชีวาระพิเศษ) 3 ตำแหน่งเลื่อนชั้น 3 เป็นชั้น 4 และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง 2 ตำแหน่งนอกจากนี้ที่ประชุม ก.ต.ยัง พิจารณารายงานผลการสอบสวนข้าราชการตุลาการ จำนวน 1 ราย กรณีไม่อุทิศเวลาของตน ให้แก่ราชการ ละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่ราชการ กระทำการอื่นใดซึ่งความประพฤติหรือการกระทำดังกล่าวอาจทำให้เสียเกียรติศักดิ์แห่งตำแหน่งหน้าที่ราชการไม่อุตสาหะและอำนวยความสะดวกในหน้าที่ราชการ ไม่ถือและปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนและประเพณีปฏิบัติของทางราชการและจริยธรรมของข้าราชการตุลาการ ตามที่ ก.ต. กำหนด และไม่ยึดถือจริยธรรมและประเพณีอันดีของตุลาการทั้งไม่วางตนให้เป็นที่เชื่อถือศรัทธาของบุคคลทั่วไป ตามมาตรา 58, 60วรรคสอง, 62และมาตรา 64แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 ประกอบประมวลจริยธรรมของข้าราชการตุลาการ ข้อ 35 เป็นความผิดวินัยร้ายแรง เห็นควรลงโทษให้ออกจากราชการ ที่ประชุมเห็นชอบเสนอแต่งตั้งให้นายธีรทัย เจริญวงศ์ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เป็นกรรมการธุรกรรม ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542ที่ประชุมยังพิจารณารายงานผลการสอบสวนข้อเท็จจริงข้าราชการตุลาการ กรณีให้คำปรึกษาคดีความที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ซึ่งพฤติการณ์เกินเลยไปกว่าการให้คำปรึกษาคดีความโดยทั่วไป และเกินความเหมาะสมที่ข้าราชการตุลาการควรพึงกระทำได้ทั้งไปร่วมนั่งพิจารณาคดีโดยไกล่เกลี่ยคู่ความอันอาจทำให้คู่ความ อีกฝ่ายสงสัยในความเป็นกลาง อันเป็นการไม่ถือและปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนและประเพณีปฏิบัติของทางราชการและจริยธรรมของข้าราชการตุลาการ ตามที่ ก.ต. กำหนด ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 มาตรา 62 และประมวลจริยธรรมข้าราชการตุลาการ ข้อ 31 วรรคสอง เป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง เห็นควรลงโทษภาคทัณฑที่ประชุม ก.ต.ยังพิจารณารายงานผลการสอบสวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติม มีมติเห็นว่าการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาจำนวน 2 ราย มีมูลเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง

กรณีที่มีการพิจารณาลงโทษวินัยให้ออกผู้พิพากษาในต่างจังหวัดเป็นกรณีที่ละทิ้งเวรไปเที่ยวมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ส่วนผู้พิพากษาที่มีการให้คำปรึกษาคดีเกินเลยที่ให้ลงโทษภาคทัณฑ์เป็นอดีตผู้บริหารศาลระดับอธิบดีผู้พิพากษาปัจจุบันเป็นผู้พิพากษาอาวุโสในภาค 2 ในส่วนที่ประชุม ก.ต.มีมติเห็นว่าการกระทำของผู้พิพากษาจำนวน 2 ราย มีมูลความผิดวินัยร้ายเเรงเมื่อสมัยเกิดมูลเหตุเป็นผู้พิพากษาระดับอธิบดีผู้พิพากษาเเละระดับรองอธิบดีผู้พิพากษาในศาลขนาดใหญ่ในกรุงเทพโดยถูกร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้คู่ความ ในคดีฟ้องครอบครัวนักธุรกิจตระกูลดังฟ้องร้องกันเองในครอบครัวจนมีคดีเเตกออกเป็นหลายคดี ซึ่งขั้นตอนต่อไปประธานศาลฎีกาก็จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายเเรงต่อไป

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 31 มกราคม 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
13 ม.ค. 2568
ตามรายงานของศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในสิงคโปร์ (thaibizsingapore.com) ระบุว่า สิงคโปร์เป็นประเทศคู่ค้าสำคัญอันดับที่ 8 ของไทย และไทยเป็นคู่ค้าอันดับที่ 10 ของสิงคโปร์ จากสถิติของกระทรวงพาณิชย์และกรมศุลกากร ปริมาณการค้าไทย-สิงคโปร์ ปี 2565 มีมูลค่ารวม 644,383 ...