ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
คุณภาพชีวิต ย้อนกลับ
สมศักดิ์’ ขอบุคลากรแพทย์ใช้ ‘ยาสมุนไพร’ รักษาโรค
26 ก.พ. 2568

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการการเสริมสร้างความเชื่อมั่นการใช้ยาจากสมุนไพรสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ โดยมี นพ.ภูวเดช สุระโคตร รองปลัด สธ. นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ผู้บริหาร สธ. และบุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศ เข้าร่วม ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีการใช้ยาในระบบสาธารณสุขของรัฐประมาณ 70,500 ล้านบาท เป็นยาแผนตะวันตก 69,000 ล้านบาท เป็นยาสมุนไพรเพียง 1,500 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้ เป็นการใช้ยาสมุนไพรในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประมาณ 400 ล้านบาทเท่านั้น ทั้งๆ ที่มีสมุนไพรหลายชนิด ที่มีคุณภาพและมาตรฐาน สธ.จึงตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มการสั่งใช้ยาสมุนไพรในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ให้มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ภายในปี 2568 และไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท ในปี 2569 เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ป่วย ลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศ สนับสนุนการยกระดับภูมิปัญญาไทย และสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจในประเทศ

“ผมขอให้บุคลากรทางการแพทย์ มีความเชื่อมั่นในยาสมุนไพร และเชิญชวนให้สั่งใช้รักษาผู้ป่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยาสมุนไพร 10 รายการ ใน 10 กลุ่มโรคที่พบบ่อย ได้แก่ ยาไพล แก้ปวดกล้ามเนื้อและข้อ ยาฟ้าทะลายโจร รักษาไข้หวัดและโควิด-19 ยาขมิ้นชัน แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ยาเพชรสังฆาต ช่วยเรื่องท้องผูกริดสีดวงทวาร ยาขิง บรรเทาอาการวิงเวียน ยามะระขี้นก แก้เบื่ออาหาร ยากล้วย บรรเทาอาการท้องเสีย ยาหอมเทพจิต ช่วยเรื่องนอนไม่หลับ ยาพริก แก้อาการชาจากอัมพฤกษ์ อัมพาต และ ยาว่านหางจระเข้ ใช้ทาผิวหนัง แผล จึงมอบนโยบายให้ช่วยกันผลักดัน การใช้ยาสมุนไพร ผมเชื่อว่าจะเป็นการสร้างรายได้ให้ประเทศ และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ให้กับพืชสมุนไพรไทย” นายสมศักดิ์ กล่าว

รัฐมนตรีว่าการ สธ. กล่าวอีกว่า ขอยกตัวอย่างรายการสมุนไพรทดแทนแผนยาปัจจุบัน 5 รายการหลัก 1.ครีมไพร ทดแทน อานาเจสิก บาร์ม 2.ยาประศระมะแว้ง ทดแทน ยาแก้ไอ เช่น จีจี ไซรับ 3.ขมิ้นชัน ธาตุอบเชย ทดแทน ยาขับลม เช่น เอ็มคาร์มิเนทิฟ 4.เพชรสังฆาต แทนยา เดฟลอน และ 5.มะขามแขก ใช้แทน ไบซาโคดิล ซึ่งรายการยา

“ที่ยกตัวอย่าง หมอสามารถเลิกใช้ยาแผนปัจจุบันได้เลย โดยถ้าช่วยส่งเสริมก็จะมีรางวัล เป็นงบประมาณในการพัฒนาให้แต่ละพื้นที่รวมกว่า 60 ล้านบาท จะได้ช่วยกันส่งเสริมสมุนไพรไทยกันอย่างเต็มที่ ซึ่งล่าสุดก็ช่วยผลักดันสมุนไพรไทยไปเปิดตลาดตะวันออกกลาง โดยให้นำร่องนำยาดม ยาหม่อง ไปในช่วงพิธีฮัจย์ก่อน เพราะมีคนเดินทางไปร่วมนับล้านคน ส่วนปีถัดไป ก็ขอให้เพิ่มยาไปเรื่อยๆ” นายสมศักดิ์ กล่าว

นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ กรมการแพทย์แผนไทยฯ ได้จัดกิจกรรม เพื่อให้คณะแพทย์ของโรงพยาบาลทั่วประเทศ รู้ว่ากรมการแพทย์แผนไทยฯ ได้รับงบประมาณในส่วนการสนับสนุนจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จำนวน 1,500 ล้านบาท โดยกรมการแพทย์แผนไทยฯ ก็มีหน้าที่กระตุ้นผู้ประกอบการสมุนไพรไทย เพื่อให้ทราบว่ารัฐบาลให้การสนับสนุนเรื่องนี้ เนื่องจาก สธ.เห็นว่ามีการใช้งบประมาณในการซื้อยาแผนปัจจุบันกว่า 69,000 ล้านบาท แต่สัดส่วนของยาไทย ที่ผ่านมาไม่ถึง 1,000 ล้านบาท ดังนั้น สธ.จะสนับสนุนสมุนไพรไทยอย่างเต็มที่ ด้วยการลดโปรมแกรมยาแผนปัจจุบันที่ใช้ใน 5 กลุ่ม โดยหากโรงพยาบาลไหนส่งเสริมสมุนไพรได้ดี ก็มีการตั้งรางวัลไว้ให้ 60 ล้านบาท รวมถึงขณะนี้ สปสช.ได้ประกาศยาไทย 106 รายการแล้ว ซึ่งในจำนวนนี้ มีถึง 32 รายการ ที่ใช้แบบไม่อั้น หรือ ปลายเปิด ที่เหลือ 74 รายการเป็นปลายปิด

สำหรับงบประมาณ 60 ล้านบาท ที่จะนำมาเป็นรางวัลให้กับผู้ที่ใช้สมุนไพร เป็นงบจากแหล่งไหน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เป็นส่วนของ สปสช.เตรียมไว้แล้ว ถ้าใครลดยาแผนปัจจุบันใน 5 ด้านได้เร็ว โรงพยาบาลนั้น ก็จะได้เงิน 200,000 บาท โดยถ้าช้า ก็ไม่ได้ เพราะไม่ได้ให้ทุกโรงพยาบาล

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 1 - 15 มีนาคม 2568
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
13 ม.ค. 2568
ตามรายงานของศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในสิงคโปร์ (thaibizsingapore.com) ระบุว่า สิงคโปร์เป็นประเทศคู่ค้าสำคัญอันดับที่ 8 ของไทย และไทยเป็นคู่ค้าอันดับที่ 10 ของสิงคโปร์ จากสถิติของกระทรวงพาณิชย์และกรมศุลกากร ปริมาณการค้าไทย-สิงคโปร์ ปี 2565 มีมูลค่ารวม 644,383 ...