นายกรศิษฏ์ ภัตโชตานนท์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า กฟผ.จะมีการยกเลิกโครงการลงทุนสายส่งไฟฟ้าในภาคใต้ 1 เส้น มูลค่าลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาทเนื่องจากเห็นว่าการสร้างความมั่นคงในระบบไฟฟ้าภาคใต้จำเป็นต้องสร้างโรงไฟฟ้าในพื้นที่เพื่อรองรับปริมาณความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นได้อย่างเพียงพอ ซึ่งเรื่องนี้ได้หารือกับนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ขณะนี้ภาพรวมกำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศถือว่าอยู่ในระดับที่เพียงพอกับความต้องการใช้ที่ขยายตัว แต่ในส่วนของกำลังการผลิตไฟฟ้าพื้นที่ภาคใต้นั้นยังไม่เพียงพอต่อความต้องการในพื้นที่ ดังนั้นหลักการแก้ปัญหาความมั่นคงด้านไฟฟ้าภาคใต้ จึงต้องสร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่เพื่อรองรับความต้องการ ไม่ใช่แค่การเพิ่มสายส่งเท่านั้น”
นอกจากนี้ ยังหารือถึงแผนก่อสร้างสายส่งรองรับโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในแต่ละช่วงเวลาและแต่ละพื้นที่ให้มีความเหมาะสม โดย กฟผ. เห็นว่าแนวทางการพัฒนาสายส่งไม่จำเป็นต้องสร้างใหม่ทุกพื้นที่ เนื่องจากทำให้เกิดการลงทุนที่ไม่จำเป็นกลายเป็นภาระต้นทุนค่าไฟฟ้าต่อประชาชนในอนาคต แต่ควรพัฒนาสายส่งเดิมที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งปัจจุบันโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนสามารถใช้ระบบสมาร์ทกริด และไมโครกริดเพื่อบริหารการจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่พื้นที่นั้นๆ ได้
สำหรับเรื่องการปรับแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (พีดีพี 2015) ที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม
ซึ่งกฟผ.อยู่ระหว่างหารือกับสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.)
ซึ่งในส่วนของ กฟผ. ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนว่าจะต้องดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าประเภทใดหรือไม่ และจำนวนกี่เมกะวัตต์
"หลักการของ กฟผ. ไม่ได้คำนึงถึงสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าที่จะต้องอยู่ที่ 50% ขึ้นไปหรือไม่ เพราะล่าสุดต้องให้ความสำคัญความต้องการไฟฟ้าแต่ละพื้นที่อย่างเหมาะสม เพื่อรักษาความมั่นคงของระบบไฟฟ้าให้มีเสถียรภาพ ซึ่งเชื่อว่าหากมีการปรับปรุงระบบการผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนให้มีเสถียรภาพได้ ก็จะช่วยสร้างความมั่นคงด้านไฟฟ้าของแต่ละพื้นที่ได้ในที่สุด" นายกรศิษฏ์กล่าว