ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
สื่อสาร - คมนาคม ย้อนกลับ
ดีอี อวดผลงานปิดกั้นเว็บผิดกฎหมายทะลุ 80,000 รายการ
01 มี.ค. 2568

กระทรวงดีอี เผยผลงานปิดกั้นโซเชียลมีเดีย เพจ และเว็บไซต์ URLs ผิดกฎหมาย แล้วกว่า 80,000 รายการ พนันออนไลน์ยังนำโด่ง พร้อมบังคับใช้มาตรการ Sender Name บีบผู้ส่ง SMS แนบลิงก์ จะต้องลงทะเบียนกับกสทช.เท่านั้น

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า กระทรวงดีอี ได้เร่งรัดการดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล นางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะการปิดกั้นโซเชียลมีเดีย เพจ และเว็บไซต์ URLs ผิดกฎหมายทุกรูปแบบ เพื่อเป็นการตัดวงจรช่องทางการก่ออาชญากรรมที่สำคัญของขบวนการมิจฉาชีพ

ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือน ตุลาคม 2567 – กุมภาพันธ์ 2568 (ระยะเวลา 5 เดือนของปีงบประมาณ 2568 ) กระทรวงดีอี ได้ดำเนินการปิดกั้นโซเชียลมีเดีย เพจ และเว็บไซต์ URLs ผิดกฎหมายแล้ว 80,669 รายการ หรือเฉลี่ย 16,133 รายการต่อเดือน เพิ่มขึ้น 1.508 เท่าตัว จากช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ 2567 (เดือน ตุลาคม 2566 - กุมภาพันธ์ 2568) ที่ปิดกั้น 53,466 รายการ หรือ เฉลี่ย 10,693 รายการต่อเดือน

ประเภทของการปิดกั้นในระยะเวลา 5 เดือน ( ต.ค. 2567   - ก.พ. 2568) มีดังนี้

- พนันออนไลน์ จำนวน 31,832 รายการ เพิ่มขึ้น 1.3 เท่า จากช่วงเวลาเดียวกันก่อนหน้านี้ (ต.ค.66 – ก.พ.68  ) ที่มีจำนวน 24,352 รายการ

- บิดเบือน/หลอกลวงออนไลน์ จำนวน 21,939 รายการ ลดลง 0.8769 เท่า จากช่วงเวลาเดียวกันก่อนหน้านี้ (ต.ค.66 – ก.พ.68  ) ที่มีจำนวน 25,017 รายการ

- อื่นๆ จำนวน 26,898 รายการ เพิ่มขึ้น 6.565 เท่า จากช่วงเวลาเดียวกันก่อนหน้านี้ (ต.ค.66 – ก.พ.68  ) ที่มีจำนวน 4,097 รายการ

อย่างไรก็ตาม กระทรวงดีอี จะติดตามตรวจสอบขั้นตอนการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยหากกรณีที่ยังพบเว็บไซต์บางรายการที่ยังเพิกเฉย ไม่ปิดกั้น / ระงับการเผยแพร่ ตามที่ศาลได้มีคำสั่ง จะถือเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล มีความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ ซึ่งหากพบการฝ่าฝืนดังกล่าว กระทรวงฯ จะนำผลการตรวจสอบการไม่ระงับ / ไม่ปิดกั้นเว็บไซต์ของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต แพลตฟอร์มด้วยระบบการจัดเก็บทางคอมพิวเตอร์ ไปทำการปรับพินัยฐานไม่ปิด URLs ที่ผิดกฎหมาย ต่อไป

นายประเสริฐ กล่าวว่า ตามที่ กระทรวงดีอี สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันออกมาตรการเกี่ยวกับ SMS ที่ผิดกฎหมาย เพื่อป้องกันและปราบปรามการใช้ข้อความสั้นในการกระทำความผิดทางเทคโนโลยี 

โดยได้เริ่มดำเนินมาตรการป้องกันการส่ง SMS แนบลิงก์หลอกลวง ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ดังนี้

1.ดำเนินการลงทะเบียน Sender Name ใหม่ทั้งระบบในทุกๆ ปี เพื่อให้สามารถระบุตัวตนของผู้ให้บริการ และผู้ส่ง SMS 

2. ดำเนินมาตรการความปลอดภัยสำหรับการส่ง SMS แนบลิงก์ โดยผู้ส่งข้อความ (Sender Name) SMS แนบลิงก์ จะต้องลงทะเบียนกับผู้ให้บริการเครือข่ายทุกครั้ง และการลงทะเบียนการส่ง SMS แนบลิงก์ จะต้องระบุรายละเอียดของข้อความ และลิงก์ เพื่อให้ผู้ให้บริการเครือข่ายตรวจสอบลิงก์ก่อนที่จะส่ง SMS ไปยังผู้ใช้บริการ (End user)

3. ในกรณีที่มีการตรวจพบ ข้อความแนบลิงก์หลอกลวง ,ข้อความแนบลิงก์ที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน หรือข้อความอื่นที่สามารถใช้เป็นช่องทางในการติดต่อถึงบุคคลอื่น เช่น ไอดี Line ทาง ตร. จะดำเนินการ โดยใช้อำนาจตาม พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 แจ้งผู้ให้บริการเครือข่ายยกเลิกสัญญาบริการกับผู้ส่งข้อความ (Sender Name) และผู้ให้บริการต้องแจ้งข้อมูลการลงทะเบียนของผู้ส่งข้อความให้กับทาง ตร. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ส่งข้อความต่อไป

“ปัจจุบัน กสทช. ได้กำหนดให้เฉพาะผู้ใช้งาน Sender Name ที่มีจำนวน 42 ราย ซึ่งได้รับการลงทะเบียนแล้ว จึงจะสามารถส่งข้อความ SMS แนบลิงก์ได้ และลิงก์ที่แนบมากับข้อความต้องผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) แล้วเท่านั้น"

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 1 - 15 มีนาคม 2568
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
13 ม.ค. 2568
ตามรายงานของศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในสิงคโปร์ (thaibizsingapore.com) ระบุว่า สิงคโปร์เป็นประเทศคู่ค้าสำคัญอันดับที่ 8 ของไทย และไทยเป็นคู่ค้าอันดับที่ 10 ของสิงคโปร์ จากสถิติของกระทรวงพาณิชย์และกรมศุลกากร ปริมาณการค้าไทย-สิงคโปร์ ปี 2565 มีมูลค่ารวม 644,383 ...