สมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน ร่วมกับหอการค้าไทย-จีน และการสนับสนุนจากสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้จัดอบรม "หลักสูตรผู้บริหารรุ่นใหม่ธุรกิจไทย-จีน รุ่นที่ 1 (Young Executive Program)" โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิสองท่านร่วมบรรยายให้ความรู้ ได้แก่ รศ.ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น รองศาสตราจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ ท่านพินิจ จารุสมบัติ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและประธานสภาวัฒนธรรมไทย-จีนและส่งเสริมความสัมพันธ์ เมื่อวันเสาร์ที่ 1 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ณ โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ รัชดาฯ
รศ.ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น ได้บรรยายในหัวข้อ "BRI: จีนคิดการใหญ่อะไรและผลกระทบต่ออาเซียนและประเทศไทย" โดยให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ "ข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง" (Belt and Road Initiative: BRI) ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่จีนดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2013 เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านโครงสร้างพื้นฐาน การค้า และการลงทุนกับประเทศต่างๆ
ในระหว่างการบรรยาย รศ.ดร.อักษรศรี ได้วิเคราะห์ถึงผลกระทบของ BRI ใน 4 ด้านหลัก ได้แก่:
เธอยังกล่าวถึงแนวคิด "New Quality Productive Forces" ซึ่งเป็นแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจจีนที่เน้นเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น AI, หุ่นยนต์, พลังงานสะอาด และอวกาศ เพื่อลดการพึ่งพาอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิม พร้อมอธิบายถึงบทบาทของจีนในกลุ่ม BRICS และ Global South ซึ่งสะท้อนถึงการขยายอิทธิพลของจีนในตลาดเกิดใหม่ทั่วโลก
ท่านพินิจ จารุสมบัติ ได้บรรยายในหัวข้อ "จีนในแง่มุมของการเปลี่ยนแปลง: บทเรียนจากอดีตสู่ปัจจุบัน" โดยกล่าวถึงการพัฒนาของจีนจากยุคที่ถูกมหาอำนาจตะวันตกครอบงำ จนกลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีในปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นจากแนวคิดทางเศรษฐกิจและการเมืองที่เน้นการปฏิรูปอย่างเป็นระบบและการให้ความสำคัญกับการศึกษาและนวัตกรรม
นอกจากนี้ ท่านพินิจยังได้ให้ความรู้เกี่ยวกับ "มารยาทบนโต๊ะอาหารจีน" ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจและสังคม วัฒนธรรมการรับประทานอาหารของจีนเน้นความเคารพและความสามัคคี โดยมีหลักสำคัญ เช่น:
การบรรยายครั้งนี้ช่วยให้ผู้เข้าร่วมอบรมได้รับความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ BRI และบทบาทของจีนในเวทีโลก รวมถึงการเรียนรู้วัฒนธรรมจีนที่มีความสำคัญต่อการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้าชาวจีน การอบรมดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการพัฒนาผู้นำธุรกิจรุ่นใหม่ให้สามารถดำเนินธุรกิจในบริบทของเศรษฐกิจจีน-ไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน