สธ.แย้มรัฐวิสาหกิจจีนสนใจร่วมทุน 10,000 ล้าน สร้างศูนย์การแพทย์ครบวงจรภาคใต้ รูปแบบPPP ร่วมทุนรัฐ-เอกชน หลังได้ที่ดินบริจาค 130 ไร่ เบื้องต้นจัดงบฯปรับพื้นที่ 92 ล้าน
เมื่อวันที่ 5 มี.ค.2568 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขว่า จากที่ประชาชนมอบที่ดินในพื้นที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลาให้กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) 130 ไร่ เพื่อสร้างโรงพยาบาล ซึ่งสธ.มีแนวนโยบายให้เร่งรัดการดำเนินการโครงการใหญ่ๆที่เป็นศูนย์การแพทย์ขนาดใหญ่ในจังหวัดภาคใต้ ได้มอบหมายไปศึกษาการดำเนินการในรูปแบบโครงการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน(PPP) โดยรมช.สาธารณสุขเป็นผู้ติดตามดำเนินการเรื่องนี้ เพราะประชาชนให้ความสนใจว่าจะเป็นศูนย์การแพทย์ใหญ่ของภาคใต้
“กระทรวงได้รับมอบที่ดินจากประชาชน 130 ไร่ ซึ่งการสร้างศูนย์การแพทย์ครบวงจรในภาคใต้ตอนล่างรองรับผู้ป่วยในพื้นที่และต่างชาติ เป็นแนวทางที่สอดคล้องกับนโยบายในประเด็นของกลุ่มชายแดน การท่องเที่ยวและเวลเนส(Wellness) ซึ่งกำลังประเมินเรื่องงบประมาณ เป็นโครงการใหญ่มาก ก็น่าจะเป็น 10,000 ล้านบาท ได้มอบให้นพ.มณเฑียร คณาสวัสดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขไปดำเนินการเรื่องPPPต่อไป ยังอยู่ในการศึกษาเรื่องร่วมทุน เพราะหากให้เอกชนมาร่วมทุนด้วยจะไม่ติดขัดเรื่องงบประมาณ ขณะนี้กำลังออกแบบ”นายสมศักดิ์กล่าว
ด้านนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากรพ.หาดใหญ่ รองรับผู้ป่วย 700 เตียง แต่ปัจจุบันมีการเสริมเตียงผู้ป่วยเข้าไปบริเวณหน้าลิฟต์ ใต้บันไดจนเป็น 1,000 กว่าเตียง น่าเห็นใจทั้งประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ จึงคิดว่าจะสร้างรพ.หาดใหญ่ 2 โดยได้รับบริจาคที่ดิน 130 ไร่ มาจากคุณจำนงค์ เอี้ยววงษ์เจริญ ผู้บริหารกลุ่มสยามนครินทร์
และได้ประสานหน่วยงานในกระทรวงอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับปรุงพื้นที่ อย่างเช่น กรมที่ดิน กรมธนารักษ์ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค กรมทรัพยากรน้ำบาดาล เพื่อรองรับการก่อสร้างรพ. ซึ่งที่ดินแปลงนี้ได้ตัดสินใจร่วมกันด้วยหลายเหตุผล พื้นที่ดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่สูงน้ำไม่ท่วม ไม่ต้องใช้งบประมาณในการถมพื้นที่มาก เป็นพื้นที่ที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติ อยู่ไม่ไกลจากถนนสายหลักคือถนนกาญจนวณิชย์ (ทล.4) และอยู่ใกล้แนวถนนวงแหวนรอบเมืองหาดใหญ่สายตะวันออก (ทล.425) การเดินทางสะดวกจากทุกเส้นทาง
“เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ได้รับการติดต่อจากรัฐวิสาหกิจของประเทศจีนว่าสนใจที่จะร่วมทุนในรูปแบบPPP มาลงทุน มาทำ ซึ่งก็จะหารือกับนพ.มณเฑียร คณาสวัสดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อพิจารณาในรายละเอียดเงื่อนไข และระยะเวลาว่าจะช้าหรือไม่ เพราะการจะใช้เงินเป็น 10,000 ล้านบาท จะใช้งบประมาณของประเทศเป็นเรื่องยากมาก เมื่อเป็นการร่วมทุน หรือกู้ผ่อนจ่ายก็ต้องหารือในรายละเอียด ส่วนว่าทำไมเขาสนใจยังไม่ได้คุยในรายละเอียด เพียงแต่จั่วหัวว่าเขาสนใจมากที่จะเข้ามาเจรจาพูดคุยเรื่องการมาลงทุน”นายเดชอิศม์กล่าว
ถามว่าตามกฎหมายเปิดให้รัฐวิสาหกิจของต่างชาติมาร่วมทุนในรพ.ได้ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า จากการหารือเบื้องต้นกฎหมายน่าจะสามารถดำเนินการได้ เพียงแต่ที่ผ่านมาไทยยังไม่เคยทำ ก็ต้องมาดูความเป็นไปได้ โดยเฉพาะในเรื่องข้อกฎหมายของประเทศไทยและจีนว่าจะดำเนินการร่วมกันได้หรือไม่ ทั้งนี้ ในส่วนของสธ.ได้มีการตั้งงบประมาณเบื้องต้นไว้ 92 ล้านบาท สำหรับปรับพื้นที่ หลังจากนั้นจะวางผัง
ส่วนการดำเนินการระยะ2 และ3 จะดำเนินการต่อไป หากได้ต่างชาติมาร่วมทุนPPPก่อนก็จะทำให้รัฐไม่ต้องลงทุน ซึ่งเบื้องต้นตามที่ได้รับแจ้งก็บอกว่ากล้าที่จะมาลงทุน 10,000 ล้านบาท แต่โครงการก่อสร้างจะใช้งบประมาณเท่าไหร่ ยังไม่แน่ชัด เพราะยังไม่ได้มีการวางผัง แต่หากจะให้เป็นศูนย์การแพทย์ครบวงจรก็คงจะราว 10,000 ล้านบาท
“หากก่อสร้างศูนย์การแพทย์ครบวงจรภาคใต้แล้วเสร็จ นอกจากจะรองรับการให้บริการประชาชนใน 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง ตรัง พัทลุง สงขลา สตูล ปัตตานี นราธิวาส และยะลาแล้ว ยังรองรับผู้ป่วยต่างชาติ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันในพื้นที่ก็มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาวันละหลายหมื่นถึง 1 แสนคน หากสถานพยาบาลไม่ดีก็จะเสียชื่อประเทศ ก็ต้องผนวกทั้งเรื่องการท่องเที่ยวและสุขภาพ โดยตั้งใจให้ศูนย์การแพทย์แห่งนี้เป็นเหมือนเมืองสุขภาพ มีรพ. มีวิทยาลัยพยาบาล ”นายเดชอิศม์กล่าว
ถามย้ำว่าเปิดให้เอกชนไทยที่สนใจร่วมเสนอเพื่อร่วมทุนแบบPPPด้วยหรือไม่ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า เปิดให้มีการแข่งขันตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ได้ดำเนินการโครงการPPP ในส่วนของรพ.ปลวกแดง จ.ระยอง แต่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ นอกจากนี้ ตามแผนของสธ.จะมีการดำเนินการในรูปแบบPPPกับรพ.แห่งอื่น เป็นโครงการก่อสร้างอาคารบริการทางการแพทย์แบบครบวงจร ที่มีทั้งพื้นที่บริการ พื้นที่เชิงพาณิชย์ ที่จอดรถ และห้องพัก โดยจะดำเนินการเป็นลักษณะ Net Cost คือ เอกชนได้รับสิทธิ์ในการจัดเก็บรายได้ และจัดสรรผลตอบแทนบางส่วนให้แก่ภาครัฐตามข้อตกลง ซึ่งเอกชนจะต้องรับความเสี่ยงจากผลดำเนินงานทั้งหมด มีการกำหนดนำร่องระยะแรก ในรพ.6 แห่ง น่าจะเปิดรับข้อเสนอในปี 2569 คือ