ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
ธรรมาภิบาล ย้อนกลับ
ด่วน! บอร์ดคดีพิเศษ รับคดีฮั้วสว. เป็นคดีพิเศษ ในความผิดฐานฟอกเงิน
06 มี.ค. 2568

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 6 มี.ค.2568 ที่กระทรวงยุติธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) เพื่อพิจารณาว่าจะรับคดีเกี่ยวกับการฮั้วเลือก สว.เป็นคดีพิเศษหรือไม่ โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุม

ก่อนหน้านี้ ดีเอสไอ มีหนังสือด่วนส่งถึงประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรื่องแจ้งความคืบหน้าผลการสืบสวนและขอความเห็นการดำเนินคดี กรณีมีผู้ร้องต่อดีเอสไอ เกี่ยวกับการ ฮั้วเลือก สว.ปี 2567 และดีเอสไอสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน เชื่อได้ว่ามีขบวนการดังกล่าวจริง โดยมีโพยฮั้วสว. 2 ชุดกลุ่มละ 7 คน พบว่าเป็นผู้ได้รับเลือกเป็น สว.138 คน และอยู่ในลำดับสำรอง 2 คน

โดย ดีเอสไอ พิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2563 มาตรา 977 (3) ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 (ความผิดฐานอั้งยี่) และความผิดฐานฟอกเงินตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ดีเอสไอ จึงประสงค์ที่จะรับดำเนินการสอบสวนในส่วนที่พบการกระทำผิดทางอาญาไว้ดำเนินการ

ต่อมาวันที่ 25 ก.พ.68 คณะกรรมการคดีพิเศษได้ประชุมเรื่องนี้ ก่อนให้เลื่อนการพิจารณา โดยเตรียมเชิญ กกต.ให้ข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องของอำนาจการสอบสวน โดยนัด กกต.ให้ข้อมูลในวันที่ 5 มี.ค. แต่ กกต.มีหนังสือตอบกลับมาว่าจะไม่ส่งตัวแทนเข้าให้ข้อมูลกับดีเอสไอ เนื่องจากเห็นว่าสำนักงาน กกต.ได้แนวทางคำตอบที่ชัดเจนตามคำถามของดีเอสไอแล้ว การส่งผู้แทนไปร่วมประชุมและตอบคำถาม อาจเป็นการให้คำตอบที่ไม่สมบูรณ์ และไม่ครบถ้วนถูกต้อง

เช่นเดียวกับดีเอสไอ มีความเคลื่อนไหวในส่วนของอนุกรรมการกลั่นกรอง เห็นชอบให้คดีฮั้วเลือกสว. ก่อนส่งเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ ในวันที่ 6 มี.ค.68

โดยนายภูมิธรรม กล่าวภายหลังการประชุมว่า ในที่ประชุมได้พูดคุยถกเถียงหลากหลายประเด็น ได้หาแง่มุมต่างๆ คดีนี้เกี่ยวพันกับฝ่ายนิติบัญญัตติที่สำคัญของประเทศ ประชาชนให้ความสนใจติดตาม เราได้พูดคุยกัน มีข้อสรุปดังนี้

1.การประชุมบอร์ด กคพ. พิจารณาบนฐานข้อเท็จจริงที่มีผู้มาร้องทุกข์ มีการกระทำความผิดตามเข้าข่ายคดีพิเศษหรือไม่ บอร์ดไม่ได้พิจารณาขบวนการเลือกสว. เพราะเห็นว่ามีการกระทำผิดฐานฟอกเงิน ที่มีลักษณะเป็นคดีพิเศษตามกฎหมายคดีพิเศษ สอดคล้องกฎหมายการได้มาซึ่งสว. โดยมีการใช้ทรัพย์สินจูงใจ มีความผิดฐานฟอกเงินด้วย

การพิจารณาเป็นคดีพิเศษ ผ่านการพิจารณาจากบอร์ดที่มาจากหลากหลาย ไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง สะท้อนโปร่งใส ตรวจสอบได้เป็นไปตามกฎหมาย

2.บอร์ดขอย้ำว่าการพิจารณาในวันนี้ไม่ใช่การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอำนาจของกกต.แต่อย่างใด ทางกกต.ก็ทำงานของท่านในฐานะจัดการเลือกตั้ง เราดูแลการดำเนินคดีอาญาเกี่ยวกับกลุ่มบุคคลที่ทำความผิดเกี่ยวกับตามกฎหมายการสอบสวนคดีพิเศษเท่านั้น จึงเป็นการทำงานคู่ขนานกัน แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายของตนเองที่แตกต่างกันเพื่อประชาชน ดีเอสไอได้รับการร้องทุกข์จากประชาชนผู้เสียหาย เรานิ่งเฉยไม่ได้

3.การที่ดีเอสไอรับเรื่องนี้ไม่ได้หมายความว่าผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้กระทำความผิดกฎหมายแล้ว แต่ต้องมีกระบวนการทางกฎหมายอีกมากในการบอกว่าผิดจริง ดังนั้นจึงเป็นไปตามกระบวนการกฎหมายเพื่อประโยชน์ของผู้ถูกกล่าวหาและประชาชน

ในที่ประชุมมี 18 คน เรามีมติชี้ขาดกรณีสมคบกันในความผิดฐานฟอกเงิน ในคณะบุคคลเป็นอังยี่ เกี่ยวกับกฎหมายการได้มาซึ่งสว. ตามที่ฝ่ายเลขาฯ เสนอมา เป็นคดีพิเศษตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง แห่งพ.ร.บ.สอบสวนคดีพิเศษ 2547 ส่วนคดีอาญาใดเกี่ยวเนื่องหรือเกี่ยวข้องกับคดีพิเศษ ตามมาตรา 21 วรรคสอง เพื่อทำการสอบสวนต่อไป

หากพนักงานสอบคดีพิเศษพบการกระทำความผิดการได้มาซึ่งสว. มาตรา 77 วรรคหนึ่งอยู่ในอำนาจของกกต. ให้แจ้งกกต.ทราบเพื่อดำเนินการต่อไปโดยไม่ต้องนำมาเป็นคดีพิเศษแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมมี 18 เสียง มีมติรับเป็นคดีพิเศษ 11 เสียง และไม่รับ 4 งดออกเสียง 3 เสียง เพราะบางท่านมรบทเกี่ยวข้องด้วยการชี้ขาดหลายเรื่องในคดีถัดไป 

ส่วนมีความหนักใจหรือไม่ เมื่อถูกนำไปโยงกับประเด็นทางการเมือง นายภูมิธรรม ระบุว่าตนเองคิดว่าคณะกรรมการทุกท่านมีความหนักใจ เพราะเป็นประด็นเกี่ยวกับสถาบันนิติบัญญัติ และสาธารณะชนกำลังจับตามอง จึงได้กำชับว่าการพิจารณาให้ใช้ดุลยพินิจอย่างละเอียดรอบคอบ โดยอิงข้อมูลจากกฎหมายและข้อมูลต่าง ๆ และตัดสินให้ดีที่สุด การพิจารณาในครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของบุคคลหรือเรื่องการเมืองเราพิจารณาตามข้อกฎหมาย เพราะหลายคนกังวลใจว่าหากพิจารณาแล้วจะมีผลกับตัวเอง เชื่อว่าเราทำสิ่งที่รอบคอบแล้ว คุยกันทุกฝ่ายแล้ว ซึ่งเราตัดสินใจแล้วก็ต้องรับผิดชอบ และเป็นกระบวนการที่รับมา เพื่อตรวจสอบและท้ายที่สุดก็จะไปจบที่ศาล ซึ่งเป็นผู้ชี้ขาด

ขณะที่กังวลหรือไม่ที่มีรายชื่อพยานในคดีนี้ กว่า 1,200 คนหลุดออกไป นายภูมิธรรม ระบุว่า หลุดไปก็เป็นเรื่องหลุด ไม่ใช่เรื่องข้อเท็จจริง เมื่อไม่ใช่เรื่องข้อเท็จจริง เมื่อหลุดแล้วก็ให้หลุดไป และไม่กังวลกับผลโหวตในครั้งนี้ เพราะเมื่อโหวตไปแล้วก็ให้ที่ประชุมรับรอง 

ทั้งนี้ หลังจากนี้จะตัองร่วมมือกับ กกต.ในการพิจารณาเรื่องนี้หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า อย่าไปคิดว่าเราแตกแยก เรายังทำงานร่วมกันได้ คดีนี้ต่างฝ่ายต่างดำเนินการ อะไรที่เกี่ยวพันกันก็ประสานงานกัน 

ด้านพันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้กล่าวถึงขั้นตอน หลังจากนี้ว่า การประชุมในวันนี้ได้รับเป็นคดีพิเศษ ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ มาตรา 21 วรรค 1 ซึ่งตามปกติแล้ว อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)  สามารถชี้ขาดได้เลย แต่เนื่องจากมีข้อมูลบางประการที่มีข้อสงสัย ที่ต้องให้คณะกรรมการคดีพิเศษ ใช้เสียงกึ่งหนึ่งของผู้เข้าประชุม ซึ่งเสียงของคณะกรรมการส่วนใหญ่ได้ชี้ขาดแล้วว่าเป็นคดีพิเศษ ซึ่งไม่ต้องใช้ตามมาตรา 21 วรรค 2 โดยขั้นตอนต่อจากนี้ไป จะเป็นเหมือนหลักค้ำประกันให้กับอธิบดี ดีเอสไอ คือการรับเรื่องเป็นคดีพิเศษ และขอให้พนักงานอัยการมาร่วมสอบสวนด้วย เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความยุติธรรม รวมถึงให้การปฏิบัติงานมีความโปร่งใส ส่วนขั้นตอนต่อไป เป็นเรื่องที่ดีเอสไอ จะจัดตั้งพนักงานสอบสวน เพื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวน

เมื่อถามว่าคดีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ในชั้นสอบสวน หากมีการเรียกกกตมา จำเป็นจะต้องเข้ามาให้ข้อมูลหรือไม่ พันตำรวจเอกทวีกล่าวว่า ในส่วนที่เป็นของ กกต. ที่ผ่านมากกต.ก็ได้มีการประสานงาน กับ ดีเอสไอ ได้มีการทำหนังสือมา ซึ่งหนังสือฉบับนั้นยังไม่ได้มีการยกเลิก และในการทำงาน เนื่องจากกฎหมายมีการทับซ้อนกัน ก็อาจประสานงานกัน

เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่าต่อจากนี้กกต.จะต้องมาให้ข้อมูลเองโดยไม่สามารถส่งหนังสือมาชี้แจงได้แล้วใช่หรือไม่ พันตำรวจเอกทวีกล่าวว่า ไม่ใช่ เพราะข้อหาที่เป็นฐานฟอกเงิน เกิดมาจากฐานอั้งยี่ และมีการอภิปรายในฐานความผิดอาญาอื่น ก็ต้องนำมาประกอบการพิจารณา ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของคณะ กรรมการสอบสวน ซึ่งที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้คณะกรรมการได้มีความเห็น และเมื่อเห็นว่าความจริงเป็นคดีพิเศษโดยอัตโนมัติแล้ว ในความผิดฐานฟอกเงิน แต่ยังมีความสงสัยในเรื่องรายละเอียด ว่ามูลค่าของทรัพย์สิน เกินกว่า 300 ล้านบาทหรือไม่ ซึ่งดีเอสไอ จะต้องไปดูเส้นทางการเงินและเส้นทางบุคคล ว่ามีตัวเลขเกิน 300 ล้านบาทหรือไม่ จึงต้องให้คณะกรรมการพิเศษเป็นผู้ชี้ขาด ซึ่งคำชี้ขาดนี้ถือเป็นที่ยุติ และการเป็นคดีพิเศษไม่ใช่หมายความว่า จะทำคดีต่างจากที่อื่นแต่จะมีผู้เชี่ยวชาญในการสอบสวน และที่สำคัญคือการทำตามพยานหลักฐาน ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ส่วนที่ บางฝ่ายมีความเห็นว่าคดีนี้เป็นหน้าที่ของกกต. แต่การที่กรมสอบสวนคดีพิเศษรับคดีมา ต้องการดึงเป็นเรื่องทางการเมือง พันตำรวจเอกทวี กล่าวว่า ตอนนี้กกต.ก็ทำอยู่ในบทบาทของเขา เพราะหนังสือตอบรับของกกต ก็ได้ตอบอย่างชัดเจนแล้ว ว่าความผิดในคดีอาญาอื่นๆกกต.ไม่มีอำนาจ

เมื่อถามถึงกรณีที่สว. ออกมาแสดงความเห็นว่า การเลือกตั้งสว.มาโดยวิธีสุจริตชอบธรรม ไม่มีความผิดตามที่กล่าวหาดีเอสไอต้องทำเรื่องนี้โดยละเอียดหรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดการตั้งข้อสงสัยในสภา พันตำรวจเอกทวีกล่าวว่า สว.มีกระบวนการตรวจสอบได้อยู่แล้วเราก็เคารพท่าน แต่วันนี้คณะกรรมการ ไม่ได้มีฐานทางการเมืองเลย ซึ่งประธานในที่ประชุมก็ได้พูดว่าเรื่องนี้ เป็นเรื่องสำคัญ กระทบกับความมั่นคง ถ้ามีการครอบงำอำนาจนิติบัญญัติ ก็จะส่งผลกระทบต่อหลายๆเรื่อง ซึ่งเราก็ทำในความผิดฐานฟอกเงิน ส่วนจะขยายไปเป็นคดีอั้งยี่หรือคดีอื่นๆก็คงจะต้องมีการพิจารณากันอีกครั้ง เรายินดีหากสวจะมาให้การหรือแสดงความบริสุทธิ์ เราก็พร้อมที่จะรับ

เมื่อถามว่าหนักใจหรือไม่ที่มองว่าเป็นตำบลกระสุนตก พันตำรวจเอกทวีกาวาเรื่องนี้ต้องให้นายภูมิธรรมเป็นผู้ตอบ

โดยภายหลังที่นายภูมิธรรม และ พ.ต.อ.ทวี ได้แถลงข่าวเสร็จ ได้เดินไปพบกับกลุ่ม สว.สำรองที่นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว อดีตผู้ช่วย ผบ.ตร. ที่มาปักหลักริฟังผลการพิจารณาที่ชั้นล่างของกระทรวงยุติธรรม ซึ่งได้มอบดอกไม้ให้กำลังใจให้กับนายภูมิธรรม และ พ.ต.อ.ทวี

นายภูมิธรรม จึงกล่าวขอบคุณที่มาให้กำลังใจ พร้อมย้ำว่า การทำงานครั้งนี้ด้วยความยากลำบาก และมีผลกระทบต่อหลายส่วน ซึ่งต้องคำนึงถึงหลักข้อเท็จจริง ขณะเดียวกันเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ และกฎหมายได้ถูกพิจารณาอย่างถี่ถ้วน และยืนยันว่า การพิจารณาในครั้งนี้ไม่ได้อิงอะไร นอกจากความเป็นจริง และกฎหมาย หลังจากนี้เราต้องทำหน้าที่ไต่สวนทำความจริงให้ปรากฏ ส่วนคนที่จะชี้ขาดคือศาล ตนในฐานะที่เป็นประธาน กคพ. รับฟังทุกอย่างเต็มที่ และให้ทุกคนพิจารณาด้วยดุลยพินิจอย่างรอบคอบ ก่อนลงมติ และรับรองโดยที่ประชุม

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 1 - 15 เมษายน 2568
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
13 ม.ค. 2568
ตามรายงานของศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในสิงคโปร์ (thaibizsingapore.com) ระบุว่า สิงคโปร์เป็นประเทศคู่ค้าสำคัญอันดับที่ 8 ของไทย และไทยเป็นคู่ค้าอันดับที่ 10 ของสิงคโปร์ จากสถิติของกระทรวงพาณิชย์และกรมศุลกากร ปริมาณการค้าไทย-สิงคโปร์ ปี 2565 มีมูลค่ารวม 644,383 ...