สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) ประชุมขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคเหนือตอนล่าง เดินหน้าสู่ศูนย์กลางการประชุม สัมมนา และงานแสดงสินค้าเชิงสุขภาพระดับนานาชาติ ที่เมืองสองแคว เดินหน้าสู่การเป็น MICE Wellness Hub ที่เชื่อมโยงสุขภาพ นวัตกรรมและวัฒนธรรม ผ่านการจัดงานไมซ์ในพื้นที่
วันที่ 10 มีนาคม 2568 ที่แพภูฟ้าไทย อ.เมือง จ.พิษณุโลก น.ส.ศิวะภรณ์ ปิยะพรพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการภาคเหนือ นายทรงพล วิชัยขัทคะ รอง ผวจ.พิษณุโลก นางศศิวัณย์ ศรีพรหม กรรมการสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลุ่มภาคเหนือตอนล่าง พร้อมด้วยตัวแทนกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ประกอบด้วย สุโขทัย อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ และตาก ประชุมร่วมผลักดัน แผนพัฒนาไมซ์ 5 ปี เชื่อมโยงอุตสาหกรรมการประชุมและนิทรรศการกับการท่องเที่ยวชุมชน นำศักยภาพด้านแพทย์แผนไทย อาหารเพื่อสุขภาพ และผลิตภัณฑ์สมุนไพร มาพัฒนาเป็น Medical MICE & Tourism สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจท้องถิ่น โดยพิษณุโลกพร้อมเดินหน้าสู่การเป็น MICE Wellness Hub ที่เชื่อมโยงสุขภาพ นวัตกรรม และวัฒนธรรม ผ่านการจัดงานไมซ์ในพื้นที่ ผลักดันผลิตภัณฑ์ชุมชนสู่ตลาดโลก และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่
นางศศิวัณย์ ศรีพรหม กรรมการสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลุ่มภาคเหนือตอนล่าง กล่าวว่า ทางจังหวัดพิษณุโลกได้เสนอของบประมาณไปยังทีเส็บ (TCEB) หรือ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) เพื่อจัดโครงการกิจกรรมพิเศษ เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ หัวข้อ ตำรับหลวง มรดกเวลเนสไทยแห่งบรมไตรโลกนาถ เนื่องจากประเทศไทยมีมรดกทางภูมิปัญญาด้านการแพทย์แผนไทยที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในรัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ แห่งกรุงศรีอยุธยา ที่ได้มีการจัดตั้งกระทรวงสาธารณสุขเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย ประกอบด้วย 7 กรม ได้แก่ กรมโรงพระโอสถ กรมหมอนวด กรมหมอ กรมแพทยา กรมหมอกุมาร กรมหมอวรรณโรค และกรมหมอยาตา โดยองค์ความรู้ของหมอหลวงสมัยนั้น ถือเป็นรากฐานสำคัญของการแพทย์แผนไทยที่สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน
นางศศิวัณย์ กล่าวต่อว่า จังหวัดพิษณุโลกมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เมืองลูกหลวงที่พระองค์ทรงเสด็จมาประทับและบริหารราชการ อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางของภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยภาคเหนือตอนล่างที่มีเอกลักษณ์เฉพาะที่โดดเด่น จากการเป็นจุดบรรจบระหว่างภาคกลางและภาคเหนือ ทำให้เกิดการผสมผสานองค์ความรู้จากราชสำนักอยุธยา ล้านนา และพื้นถิ่น รวมถึงการผสมผสานความเชื่อทางศาสนาและพิธีกรรมในการรักษา ตลอดจนศิลปะการปรุงอาหารเพื่อบำบัดโรคที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่น ทำให้เป็นมรดกภูมิปัญญาที่มีคุณค่าเฉพาะตัว โครงการกิจกรรมพิเศษเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ หัวข้อ “ตำรับหลวงเวลเนสไทยแห่งบรมไตรโลกนาถ" เป็นการบูรณาการระหว่างการอนุรักษ์มรดกภูมิปัญญานวัตกรรมเวลเนสไทย เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในยุคปัจจุบัน สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0 ที่มุ่งเน้นการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจจากทุนทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญา
รวมถึง นโยบายส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง ด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการแพทย์ (Medical and Wellness Tourism) วัตถุประสงค์ เพื่อเทิดพระเกียรติพระปรีชาญาณของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ในการวางรากฐานการแพทย์แผนไทย เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์และฟื้นฟูองค์ความรู้ด้านการแพทย์แผนไทยโบราณ เพื่อพัฒนาและส่งเสริมนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการเวลเนสไทย ที่ต่อยอดจากภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อยกระดับจังหวัดพิษณุโลก ให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของภาคเหนือตอนล่าง และเพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา และชุมชนท้องถิ่นในการพัฒนาอุตสาหกรรมเวลเนสไทย
สำหรับผลที่คาดว่าจะได้รับทางเศรษฐกิจ มูลค่าการซื้อขายผลิตภัณฑ์และบริการเวลเนสไทยไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท จำนวนผู้เข้าร่วมงานไม่น้อยกว่า 10,000 คน สร้างรายได้หมุนเวียนในท้องถิ่นไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท เกิดการจ้างงานในท้องถิ่นไม่น้อยกว่า 500 อัตรา เกิดธุรกิจ Startup ด้านเวลเนสไทยไม่น้อยกว่า 10 ราย โครงการ เพิ่มเป็นแผนงาน + แผนเงิน 5 ปี เพื่อปักหมุดพิษณุโลกให้เป็น “เมืองต้นตำรับแพทย์แผนไทย” หรือ “เมืองต้นตำรับตำราหลวง” ระบุหน่วยงานเจ้าภาพ และหน่วยงานสนับสนุน ที่เกี่ยวข้องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของเมือง โดยใช้อุตสาหกรรมไมซ์เป็นเครื่องมือ เช่น การจัดการประชุมสัมมนา งานแสดงสินค้า งานเอ็กซ์โป และงานเทศกาล เป็นต้น โดยการจัดงานควรจะต้องตอบโจทย์ 3 มิติ คือ ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม และด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อให้งานเกิดความยั่งยืนในพื้นที่ต่อไป
ยุทธ์ ไกรโชค
โทร 089-9578890