นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังจากที่กรมได้บูรณาการความร่วมมือกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เพื่อป้องกันและปราบปรามปัญหาการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (นอมินี) การเปิดบัญชีม้าของนิติบุคคล และการจดทะเบียนบริษัทเพื่อหลอกลวงประชาชนจนนำไปสู่การจับกุมผู้กระทำผิดที่มีลักษณะนอมินีและบัญชีม้านิติบุคคล ส่วนหนึ่งพบว่าผู้กระทำผิดได้ใช้กลวิธีจ้างสำนักงานบัญชี หรือผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีในการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล โดยใช้ชื่อคนไทยเป็นกรรมการ หรือผู้ถือหุ้นเพื่อเป็นตัวแทนอำพรางในการจัดตั้งนิติบุคคลแทนการดำเนินการให้ถูกต้องตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 นอกจากนี้ ยังพบมีการกระทำความผิดกรณีใช้บัญชีม้านิติบุคคลไปเปิดบัญชีทางการเงินเพื่อรับโอนเงินหรือฟอกเงิน โดยปัญหาเหล่านี้ได้สร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างมาก และสร้างความเดือดร้อนให้แก่สังคมและประชาชนคนไทย
สำนักงานบัญชีและนักบัญชีส่วนใหญ่จะให้บริการรับจดทะเบียนนิติบุคคลควบคู่ไปกับการให้บริการทำบัญชี ดังนั้น เพื่อไม่ให้สำนักงานบัญชีและผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีตกเป็นเหยื่อหรือมีส่วนร่วมในกระบวนการให้ความช่วยเหลือในการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลที่ผิดกฎหมาย กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจึงได้ส่งหนังสือถึงหน่วยงานและองค์กรต่างๆ ด้านบัญชี เช่น สภาวิชาชีพบัญชี สมาคมด้านบัญชีและภาษีรวม 7 แห่ง ซึ่งมีสมาชิกที่เป็นสำนักงานบัญชีและผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีรวมกว่า 100,000 ราย เพื่อให้เป็นสื่อกลางในการประชาสัมพันธ์และแจ้งเตือนสำนักงานบัญชีและผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีให้ทราบว่าการให้บริการด้านการจดทะเบียนนิติบุคคลที่เอื้อประโยชน์ หรือเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือให้ความช่วยเหลือ หรือให้บริการจดทะเบียนนิติบุคคลโดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (นอมินี) หรือการเปิดบัญชีม้าของนิติบุคคล หรือการจดทะเบียนนิติบุคคลโดยทุจริต รวมทั้งให้บริการที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น ใช้สถานที่ตั้งนิติบุคคลไม่ตรงตามความเป็นจริง โดยเจ้าบ้านไม่ได้อนุญาตให้ใช้เป็นสถานที่ตั้งสำนักงาน เป็นความผิดตามกฎหมาย
หากกรมตรวจสอบพบว่าสำนักงานบัญชีหรือนักบัญชีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด หรือรู้เห็นกับการกระทำความผิดตามที่กล่าวมา สำนักงานบัญชีและนักบัญชีอาจเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ.2543 มาตรา 20 การใช้เอกสารประกอบการลงบัญชีที่ไม่ถูกต้องมีอัตราโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ.2547 ประกอบข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชีว่าด้วยจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี พ.ศ.2561
รวมทั้งความผิดตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของบุคคล ต่างด้าว พ.ศ.2542 มาตรา 36 กรณีคนไทยที่ให้ความช่วยเหลือสนับสนุนคนต่างด้าวให้กระทำความผิด และมาตรา 37 กรณีคนต่างด้าวที่ประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000-1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลต้องระวางโทษปรับรายวัน วันละ 10,000-50,000 บาท จนกว่าจะเลิกฝ่าฝืน กรมพัฒนาธุรกิจการค้าขอแจ้งเตือนไปยังสำนักงานบัญชีและผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีที่เอื้อประโยชน์ให้กับผู้กระทำผิดให้หยุดการกระทำดังกล่าว และเน้นย้ำให้ระมัดระวังไม่ให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน หรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวเพื่อให้คนต่างด้าวเหล่านั้นเข้ามาประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมาย หากตรวจสอบพบการกระทำผิดจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเข้มงวดต่อไป
ทั้งนี้ กรมได้เปิดให้บริการระบบการตรวจเช็กสถานที่ตั้งสำนักงานนิติบุคคล เพื่อให้ประชาชนที่สนใจสามารถเข้าตรวจเช็กได้ว่าบ้านหรือที่อยู่ของตนมีการนำมาใช้เป็นที่ตั้งของนิติบุคคลหรือไม่ เพื่อให้ประชาชนเกิดความสบายใจว่าบ้านของตนเองไม่ได้ถูกนำมาใช้เป็นสถานที่ตั้งของนิติบุคคลโดยที่เจ้าบ้านไม่ได้ให้ความยินยอม หากพบว่ามีการนำที่อยู่ ไปใช้จดทะเบียนเป็นที่ตั้งของนิติบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอม หรือมีข้อสงสัยสามารถแจ้งเบาะแสดังกล่าวได้ โดยส่งเรื่องมายังกรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงานพาณิชย์จังหวัด หรือส่งอีเมลมาที่ cgbusiness@dbd.go.th (เฉพาะกรุงเทพฯ) หรือติดต่อสายด่วน 1570 โดยเมื่อตรวจสอบพบว่าบริษัทนั้นไม่ได้มีที่ตั้งตามที่จดทะเบียนอยู่จริง จะดำเนินการหมายเหตุไว้ในระบบจดทะเบียนว่านิติบุคคลดังกล่าวไม่มีที่ตั้งตามที่จดทะเบียนไว้และส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีฐานแจ้งความเท็จ โดยหมายเหตุดังกล่าวจะปรากฏอยู่บนหนังสือรับรอง และบนระบบ DBD Datawarehouse+ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบด้วย