นายกรัฐมนตรีและคณะลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ ตรวจเยี่ยมจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม มอบนโยบายให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ให้เน้นพูดคุยสม่ำเสมอกับเจ้าหน้าที่ชายแดนเพื่อนบ้าน ร่วมกันพัฒนาการค้าขายระหว่างประเทศ พร้อมเยี่ยมชมหมู่บ้านทอผ้าไหมยกทองโบราณบ้านท่าสว่าง แนะขอให้สร้าง Story ส่งเสริมจุดขาย คำนึงถึงการตลาดนำการผลิต
วันนี้ (7 พฤษภาคม 2561) เมื่อเวลา 09.30 น. ณ จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและรับฟังบรรยายสรุปการดำเนินงานของจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ซึ่งเป็นด่านการค้าชายแดนถาวร มีการค้าชายแดนในปี 2560 ที่ผ่านมา มูลค่ารวม 3,011.31 ล้านบาท แบ่งเป็นมูลค่าการส่งออกจำนวน 862.74 ล้านบาท และมูลค่าการนำเข้ามูลค่า 2,138.57 ล้านบาท โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องดื่มน้ำผลไม้ และน้ำอัดลม ทั้งนี้ การค้าการลงทุน การท่องเที่ยว ยานพาหนะ และผู้เดินทางเข้าออกข้ามจุดผ่านแดนช่องจอมมีปริมาณและความถี่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นผลให้มีอัตราการเจริญเติบโตของการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวสูง และเป็นการเติบโตในระดับการค้าระหว่างประเทศ ที่มีรูปแบบที่หลากหลายทั้งในเชิงมูลค่าและปริมาณด้วย ซึ่งคาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าการเติบโตจะมีมูลค่าหลักหมื่นล้านบาท ทั้งนี้ ภายหลังการรับฟังบรรยายสรุป นายกรัฐมนตรีได้ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน ขอให้ทำงานโดยความเป็นธรรม ทำทุกอย่างด้วยความเท่าเทียมถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนการทำงานกับเจ้าหน้าที่ชายแดนเพื่อนบ้านเน้นการพูดคุยเจรจาสม่ำเสมอ ร่วมกันพัฒนาให้การค้าขายระหว่างประเทศดียิ่งขึ้นไป โดยให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ทักทายพี่น้องประชาชนกลุ่มพัฒนาสตรีอำเภอกาบเชิง ที่มาให้การต้อนรับว่า รู้สึกดีใจที่ได้มาพบ การลงพื้นที่ในวันนี้ไม่ได้หวังผลประโยชน์ทางการเมือง แต่มาเพื่อเยี่ยมเยียนประชาชนเหมือนทุก ๆ จังหวัด และขอให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน นำเทคโนโลยีมาช่วยในการค้าขายออนไลน์ หาสินค้าที่มีคุณภาพ พร้อมกับให้ค้นหาศักยภาพที่แตกต่างของแต่ละพื้นที่เป็นจุดขาย นำมาขยายต่อเชื่อมโยงสู่กลุ่มภูมิภาค อย่าให้ใครผูกขาดการค้าขาย ที่สำคัญต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย ในส่วนของบุตรหลาน ขอให้ช่วยพ่อแม่ทำงาน ร่วมกันสร้างครอบครัวให้มีความเข้มแข็ง มีภูมิคุ้มกันที่ดี เป็นครอบครัวที่มีความสุขอย่างพอเพียง นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ เพราะต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากการค้าชายแดนช่องจอมมีมูลค่าที่เติบโตขึ้นนั้น เป็นเพราะการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล เน้นการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศซึ่งได้มีการพูดคุยเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้เกิดความร่วมมือซึ่งกันและกัน ทำให้เศรษฐกิจทั้งในระดับพื้นที่ ระดับท้องถิ่น และระดับภูมิภาคดีขึ้น สำหรับการสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินโครงการต่าง ๆ นั้นรัฐบาลต้องคำนึงถึงความคุ้มค่า และผลประโยขน์ที่ประเทศชาติและประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
ต่อจากนั้น ในเวลา 11.00 น. นายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางไปยังหมู่บ้านทอผ้าไหมยกทองโบราณบ้านท่าสว่าง อ.เมือง จ.สุรินทร์ เพื่อเยี่ยมชมหมู่บ้านทอผ้าไหมยกทองโบราณของบ้านจันทรโสมา บ้านท่าสว่าง พร้อมเยี่ยมชมผลงานของกลุ่มวิสาหกิจ กลุ่มแม่บ้านเกษตรปลูกหม่อนเลี้ยงไหม กลุ่มผู้สูงอายุ บ้านพญาราม และเยี่ยมชมผลงานของสหกรณ์เกษตรอินทรีย์ทัพไทย จำกัด บ้านทัพไทย ทั้งนี้ ทางจังหวัดได้นำช้างไทยแฝดเพศผู้คู่แรกของโลกชื่อ ทองคำกับทองแท่ง มาต้อนรับและมอบกระเช้าผักผลไม้ให้นายกรัฐมนตรี และแสดงการเล่นฮูลาฮูปให้ชม ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเดินเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์บ้านท่าสว่าง และชุมชนโอทอป นวัตวิถี บ้านท่าสว่าง หมู่บ้านโอทอปเพื่อการท่องเที่ยว
สำหรับการทอผ้าไหมยกทองโบราณของบ้านจันทรโสมา บ้านท่าสว่าง เป็นผ้ายกทอชั้นสูง เป็นลายแบบราชสำนักไทยโบราณ ความโดดเด่นเป็นผ้าทอมือสร้างลายต่าง ๆ อย่างงดงาม ผ้าไหมแต่ละผืนทอจากเส้นไหมที่ย้อมจากสีธรรมชาติ ยกเป็นลวดลายต่าง ๆ ตามจินตนาการ โดยในปี พ.ศ. 2546 รัฐบาลได้นำไปตัดเป็นเสื้อผ้าไหมให้ผู้นำต่างชาติ ที่เข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มเอเปกได้สวมใส่ นอกจากนั้นยังนำมาเป็นผ้าคลุมไหล่ถวายเป็นของขวัญที่ระลึกแก่พระราชอาคันตุกะนานาประเทศ ที่เสด็จพระราชดำเนินมาร่วมงานฉลองครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ส่งผลให้คนไทยทั้งประเทศและชาวต่างชาติได้ประจักษ์ถึงความงดงามของผ้ายกทอชั้นสูงหนึ่งเดียวในประเทศไทยจากฝีมือและภูมิปัญญาของชาวบ้านท่าสว่าง
นายกรัฐมนตรีกล่าวระหว่างการเยี่ยมชมและกล่าวพบปะกับประชาชนที่มาให้การต้อนรับตอนหนึ่งว่า ในเมื่อบ้านเรามีของดีต้องสร้างเรื่องราว (Story) ให้ชัด สร้างจุดขาย เช่น ภูมิปัญญาท้องถิ่นนำมาสร้างนวัตกรรม พร้อมแนะให้บูรณาการด้านการขนส่ง ให้สามารถขายไปยังจังหวัดอื่นหรือต่างประเทศได้ และขอให้ใช้เทคโนโลยีรอบตัวให้เป็นประโยชน์ในการสร้างอาชีพสร้างรายได้ อย่าคิดทำแค่วันนี้ ต้องคิดให้ถึงอนาคต ปูทางไว้ให้ลูกหลานด้วย พร้อมขอให้ส่งเสริมเรื่องการตลาดนำการผลิต ผู้ประกอบการยุคใหม่ต้องศึกษาความต้องการตลาดด้วย เช่น การเพาะปลูกก็ไม่ควรปลูกซ้ำ ๆ กัน เพราะจะเป็นการแย่งกันขาย แย่งรายได้กันเอง ซึ่งภายหลังการเยี่ยมชมและพบปะกับประชาชน นายกรัฐมนตรีและคณะได้รับประทานอาหารกลางวันร่วมกับปราชญ์ชาวบ้านและผู้นำท้องถิ่นด้วย