ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม มอบนโยบายในพิธีเปิดการสัมมนา เรื่อง “แนวทางการดำเนินงานตามโครงการตรวจโรงงานที่มีความเสี่ยงสูงและมีผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมทั้ง 76 จังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ซึ่งมีเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมส่วนกลาง และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด (สอจ.) ทั่วประเทศเข้าร่วม ณ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ รัชดา กรุงเทพฯ ว่า ปัจจุบันมีโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนหนึ่งเป็นต้นเหตุของการสร้างผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อม ชุมชมและประชาชน ในบางพื้นที่มีการประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต (โรงงานเถื่อน) พบการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมในพื้นที่ชุมชน มีการครอบครองวัตถุอันตราย หรือจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย จึงมีนโยบายให้ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่จากทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคที่เกี่ยวข้องทำงานเชิงรุก ด้วยการร่วมออกปฏิบัติการตรวจสถานประกอบการอย่างเข้มข้นหรือทีมสุดซอย เพื่อลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานที่ได้รับแจ้งร้องเรียนนจากประชาชนให้ครอบคลุมทุกด้าน ทั้งการบริหารจัดการ การกำกับดูแลด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย ไม่ใช่เพียงตรวจสอบเพียงประเด็นที่ร้องเรียนมาเท่านั้น เพื่อแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ได้จัดฝึกอบรมกิจกรรมถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการตรวจโรงงานที่มีความเสี่ยงสูงและมีผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมให้ครอบคลุมทั้ง 76 จังหวัด โดยแบ่งการตรวจโรงงานเป็น 4 กลุ่ม รวม 56,886 โรงงาน จัดลำดับตามประเภทโรงงานที่เสี่ยงจะเกิดผลกระทบกับประชาชน
"กระทรวงอุตสาหกรรม มีการปรับแนวทางการกำกับดูแล ด้วยการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมาย โดยการพัฒนาไปสู่อุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) ผ่านมาตรการสนับสนุนต่าง ๆ ควบคู่ไปกับการลงโทษและดำเนินคดีกับผู้ประกอบการที่กรทำความผิด ฝ่าฝืนกฎหมายตามแนวทางการตรวจสอบโรงงานแบบสุดซอย ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมายกระดับมาตรฐานการตรวจสอบและช่วยในการปฏิบัติงานของบุคลากร อาทิ ระบบทะเบียนลูกค้ากระทรวงอุตสาหกรรม i-Industry, ระบบรายงานข้อมูลกลางกระทรวงอุตสาหกรรม i-Singleform, ระบบการกำกับโรงงาน i-Auditor รวมถึงแพลตฟอร์ม "แจ้งอุต" ที่ประชาชนสามารถร้องเรียนทุกปัญหาเกี่ยวกับอุตสาหกรรมได้โดยตรง รวมทั้งมีการกำหนดพื้นที่นำร่อง "สมุทรสาครโมเดล” ที่มียกระดับมาตรการตรวจกำกับโรงงานตั้งแต่ต้นทางกระบวนการอนุญาตในโรงงานกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เช่น โรงงานหล่อหลอมโลหะ โรงงานคัดแยกหรือรีไซเคิลวัสดุไม่ใช้แล้ว เป็นต้น หลังจากที่พบขบวนการเครือข่ายใหญ่ลักลอบนำเข้าวัตถุอันตรายและพบโรงงานเถื่อนในพื้นที่ดังกล่าวหลายแห่ง ซึ่งได้มีการดำเนินคดีทางกฎหมายและผนึกกำลังร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อยกระดับการกำกับดูแลโรงงานและปราบปรามผู้กระทำความผิด โดยเฉพาะขบวนการลักลอบขนขยะอันตรายเข้าประเทศ ซึ่งนับเป็นก้าวเล็กๆที่สำคัญในการยกระดับมาตรฐานการตรวจสอบโรงงานและสถานประกอบการ โดยการบูรณาการความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน เพื่อร่วมเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับภาคการผลิตของไทยสู่มาตรฐานสากลที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและเติบโตคู่ชุมชนได้อย่างยั่งยืน” ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมกล่าวทิ้งท้าย