มาเลเซีย นำ ถกรมต.การค้าอาเซียน รับทรัมป์ ยัน ไม่ใช้มาตรการภาษีตอบโต้ พร้อมออกแถลงการณ์ร่วม 8 ข้อพร้อม ตั้ง คณะทำงานพิเศษ ASEAN Geoeconomics Task Force
เมื่อเวลา 8.30 น. ที่กะทรวงพาณิชย์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วมประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนนัดพิเศษ ผ่านระบบทางไกล กับรัฐมนตรีเศรษฐกิจจากประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ และติมอร์-เลสเต โดยมีนายเตงกู ซาฟรุล เตงกู อับดุล อาซิส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุน การค้า และอุตสาหกรรม ประเทศเป็นประธาน เพื่อกำหนดแนวทางเชิงยุทธศาสตร์ของอาเซียนในการรับมือกับนโยบายใหม่ของสหรัฐฯ ที่เริ่มใช้มาตรการจัดเก็บภาษีแบบตอบโต้กับหลายประเทศทั่วโลก ตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา เพื่อลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจการค้าการลงทุนในภูมิภาค ตลอดจนห่วงโซ่อุปทานโลก และการดำเนินธุรกิจของเอกชน โดยเฉพาะ SMEs และเกษตรกรของ โดยที่ประชุมใช้เวลากว่า 2 ชม.
นายพิชัย กล่าวภายหลังการประชุม จากการหารือร่วมกันรัฐนตรีการค้าอาเซียน ที่ประชุมมีความกังวลต่อนโยบายการขึ้นภาษีตอบโต้ของของสหรัฐฯโดยเห็นว่าจะกระทบต่อการค้าระหว่างอาเซียนและสหรัฐฯที่มีความสัมพันธ์อันดีมาอย่างยาวนาน ซึ่งการประชุมครั้งนี้ อาเซียนได้ยืนยันจุดยืนร่วมในฐานะ “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์แบบรอบด้าน” กับสหรัฐฯ พร้อมเสนอการเจรจาเชิงสร้างสรรค์ภายใต้กรอบ ASEAN-US Trade and Investment Framework Agreement (TIFA) และ Expanded Economic Engagement (E3) Workplan เพื่อรักษาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และความมั่นคงทางห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาค โดยอาเซียนจะเดินหน้าสร้างความร่วมมือในสาขาศักยภาพสูง เช่น ดิจิทัล AI อาหาร พลังงานหมุนเวียน อุตสาหกรรมขั้นสูง รถยนต์ไฟฟ้า เซมิคอนดักเตอร์ สุขภาพ โลจิสติกส์ รวมถึงเกษตรกรรม เพื่อสร้างโอกาสใหม่ให้ภูมิภาค
“สมาชิกอาเซียน เห็นตรงกันว่า อาเซียนจะไม่ใช้วิธีการตอบโต้ทางภาษีกับสหรัฐฯเพราะเข้าใจถึงเหตุผลในการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า โดยเน้นแสวงหาความร่วมมือระหว่างกัน แต่จะใช้วิธีการเจรจาที่แตกต่างกัน โดยมี 2 รูปแบบ คือเจรจารายประเทศและเจรจาในนามกลุ่มประเทศอาเซียนเพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรองกับสหรัฐ “นายพิชัยการ
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ร่วมออกแถลงการณ์ร่วม 8 ข้อ เพื่อกำหนดท่าทีต่อนโยบายทรัมป์ ได้แก่ เน้นความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับสหรัฐ อาเซียนมีความกังวลต่อมาตรการตอบโต้ทางภาษีของสหรัฐ สนับสนุนการเจรจาแบบพหุภาคี อาเซียนจะร่วมมือเจรจากับสหรัฐ อาเซียนจะปกป้องผลประโยชนอาเซียนเป็นหลัก อาเซียนพร้อมร่วมมือผลักดันเศรษฐกิจกับสหรัฐ ตั้งคณะทำงานASEAN Geoeconomics Task Force ทำหน้าที่ติดตาม ประเมิน และเสนอแนะนโยบายในการรับมือและใช้ประโยชน์จากทิศทางนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับอาเซียน พร้อมส่งเสริมความร่วมมือทั้งระดับรัฐและเอกชน
ส่วนกรณีที่ทรัมป์เลื่อนใช้มาตรการตอบโต้ทางภาษีกับประเทศที่เกินดุลการค้าสหรัฐฯ ไป 90 วัน ทำให้ทุกประเทศมีเวลาเตรียมตัวและสามารถเจรจากับสหรัฐฯ ได้
นายพิชัย กล่าวว่า สำหรับประเทศไทยนั้นตน ได้ติดต่อกับนายจามิสัน กรีเออร์ (Jamieson Greer) ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ในเรื่องนี้มาตั้งแต่เดือนธันวาคมของปีที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบัน USTR ได้ตอบรับที่จะหารือกับไทยแล้วคาดว่าภายในเดือนนี้ โดยทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างนัดหมายวันประชุม พร้อมยืนยันว่า สิ่งที่ไทยจะนำไปเจรจานั้นเป็นสิ่งที่สหรัฐฯต้องการซึ่งอยู่ใน 5 มาตรการที่รัฐบาลได้แถลงไปแล้ว แต่ยังไม่สามารถลงรายละเอียดได้
ทั้งนี้ สหรัฐฯ เป็นคู่ค้าสำคัญอันดับ 2 ของอาเซียน รองจากจีน โดยมีมูลค่าการค้ารวมในปี 2567 ราว 476,800 ล้านดอลลาร์ โดยอาเซียนส่งออกสินค้าสำคัญไปสหรัฐฯ 5 อันดับแรก คือ ยางและผลิตภัณฑ์จากยาง รองเท้า เครื่องนุ่งห่มและเครื่องประดับเสื้อผ้า ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องจักร และนำเข้าจากสหรัฐฯ 5 อันดับแรก คือ เครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องนุ่งห่ม เครื่องจักร วัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และยานยนต์ ชิ้นส่วน และเครื่องยนต์
สำหรับไทย สหรัฐ เป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 โดยในปี 2567 ไทยมีมูลค่าการค้ารวมกับสหรัฐฯ อยู่ที่ 74,484 ล้านดอลลาร์ ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ มูลค่า 54,956 ล้านดอลลาร์ และนำเข้า 19,528 ล้านดอลลาร์ เกินดุลการค้ากว่า 35,427 ล้านดอลลาร์