“นักท่องเที่ยวจีน” ไม่มาประเทศไทย แล้วเลือกไปประเทศไหน? แม้ในหลายๆ ประเทศอาจจะมียอดชาวจีนเดินทาง “ติดลบ” เหมือนกับไทย แต่จากการรายงานสถิติเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวจีนในช่วง 3 เดือนแรก (ม.ค. - มี.ค.) ของปี 2568 พบว่า “ญี่ปุ่น” และ “เวียดนาม” คือ จุดหมายปลายทางยอดนิยม ด้วย “จำนวนคน” เติบโตเกือบ 80% เทียบช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
เฉพาะ “ญี่ปุ่น” ใน 3 เดือนแรกมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนสะสม 2.36 ล้านคน เพิ่มขึ้น 78% มากเป็นอันดับ 2 รองจากตลาดเกาหลีใต้ ส่วน “เวียดนาม” ร้อนแรงไม่แพ้กัน มีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนสะสมเกือบ 1.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 78% ขณะที่ “ไทย” มีจำนวนนักท่องเที่ยวจีน 1.33 ล้านคน ติดลบ 24% ยอดสะสมน้อยกว่าสองประเทศดังกล่าว ด้าน “มาเลเซีย” สถิติ 2 เดือนแรกระบุว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางกว่า 7 แสนคน เพิ่มขึ้น 30-40%
ภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ฉายภาพว่า สถานการณ์ตลาด “นักท่องเที่ยวจีน” เดินทางเข้าไทยในปี 2568 อยู่ในภาวะ “วิกฤติซ้อนวิกฤติ” ถือเป็นปีที่ยาก และท้าทายอย่างมาก เพราะนอกจากประเด็นภาพลักษณ์ความปลอดภัยของภาคท่องเที่ยวไทยในสายตาชาวจีน และเหตุแผ่นดินไหวเมื่อปลายเดือนมี.ค.แล้ว ยังมีปัญหา “ภูมิรัฐศาสตร์” และ “สงครามการค้า” ที่เริ่มส่งผลกระทบชัดขึ้น
ประกอบกับ “เศรษฐกิจจีน” ไม่ค่อยดี ทำให้จีนเองก็ต้องโปรโมตเครื่องยนต์ “การท่องเที่ยว” เพื่อกระตุ้นการจับจ่าย ด้วยการส่งเสริมให้ชาวจีนเที่ยวในประเทศมากขึ้น พร้อมดึงนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆ ด้วยจุดขายความสดใหม่ ประเทศจีนกว้างใหญ่ ไปกี่สิบรอบก็ไม่ซ้ำ สามารถเดินทางไปได้หลายครั้ง
“เมื่อทุกประเทศมีปัญหาเศรษฐกิจไม่ดี ภาคการส่งออกร่วง ก็ต้องหันมาเล่นภาคการท่องเที่ยว ใช้เครื่องยนต์นี้กระตุ้นการเดินทางจับจ่าย ทำให้ประเทศไทยมีคู่แข่งมากขึ้น”
เห็นได้ชัดจาก “ญี่ปุ่น” ซึ่งมีปัจจัยเงินเยนอ่อนค่าเป็นแรงหนุน ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากหลายๆ ประเทศรวมถึงจีน ขณะที่ “เวียดนาม” มีการทำความตกลงร่วมกับจีนเรื่องยกเว้นวีซ่า (ฟรีวีซ่า) ระหว่างกัน และมีการลงนามเอ็มโอยู (MOU) เป็นรายมณฑลในจีนเพื่อโปรโมตการท่องเที่ยวในลักษณะเมืองพี่เมืองน้อง ล่าสุดมีความตกลงเรื่องสร้างระบบชำระเงิน (Payment) ผ่านคิวอาร์โค้ดข้ามพรมแดน รองรับนักท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศด้วย
ททท.เร่งปรับแผนดึงตลาดจีน ใช้จ่ายคุณภาพ
ททท.จึงเร่งปรับแผนการตลาดให้ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป เราจะไปเน้นตลาดคุณภาพ ไม่เน้นจำนวน! หนึ่งในแผนงานที่จะทำคือการจัด “เมกะ แฟมทริป” (Mega Fam Trip) ภายใต้ชื่อโครงการ “สวัสดี หนีห่าว” เชิญผู้ประกอบการบริษัททัวร์และผู้นำทางความคิด (KOLs) รวม 600 รายจากทั่วประเทศจีน เดินทางมาสำรวจบรรยากาศ และสินค้าท่องเที่ยวเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในปลายเดือนพ.ค.นี้
ควบคู่กับ “การสนับสนุนสายการบิน” ให้เปิดเส้นทางบินระหว่างไทย-จีนมากขึ้น เช่น สำนักงานเซี่ยงไฮ้ สนับสนุนสายการบิน ซานตง แอร์ไลน์ส กลับมาเปิดเส้นทาง จี่หนาน-กรุงเทพฯ ในเดือนพ.ค. ขณะที่ “อีเวนต์ฉลอง 50 ปีความสัมพันธ์ไทย-จีน” ในปีนี้ ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวม ททท.ยังคงเดินหน้าจัดงาน
"แอตต้า" ประเมินรอบใหม่ จีนเที่ยวไทย ปีนี้ 5.5 ล้านคน
ศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร ประธานที่ปรึกษา สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤติตลาดจีนที่รุนแรงที่สุดเมื่อเทียบกับเหตุการณ์ครั้งก่อน โดยครั้งล่าสุดที่เผชิญกับภาวะตกต่ำครั้งใหญ่คือในปี 2561 หลังจากเกิดเหตุการณ์เรือล่มที่ จ.ภูเก็ต
“สถานการณ์ตลาดนักท่องเที่ยวจีนในตอนนี้เลวร้ายลง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบอื่นๆ นำโดยผลกระทบทางเศรษฐกิจจากนโยบายภาษีศุลกากรของสหรัฐ และนโยบายของจีนในการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ ถือเป็นสถานการณ์ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับช่วงปกติที่คดีลักพาตัวนักแสดงชาวจีนยังไม่เกิดขึ้น เพราะสถิตินักท่องเที่ยวจีนต่อวันต่ำสุดนั้นแทบจะไม่เคยต่ำกว่า 15,000 คนเลย”
แม้ว่าประเทศไทยจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนขั้นต่ำ 10,000-15,000 คนต่อวันได้อีกครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้ แต่ภาพรวมจำนวนนักท่องเที่ยวจีนในปีนี้จะทำได้เพียง 4.2-5.5 ล้านคน ต่ำกว่าจำนวน 6.7 ล้านคนที่เคยได้ในปี 2567 เสียอีก!
“คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะเผชิญกับอุปสรรคภาษีนำเข้าของสหรัฐ รัฐบาลจีนจึงเร่งดำเนินการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ทั่วประเทศ ร่วมกับนโยบายที่ให้มีการเดินทางผ่านจีนได้โดยไม่ต้องมีวีซ่าเป็นเวลา 240 ชั่วโมง ยังช่วยขยายตลาดต่างประเทศให้เติบโตสูงสุด ซึ่งรวมถึงความตกลงร่วมกันให้นักท่องเที่ยวไทย และจีนสามารถเดินทางเข้าออกกันได้โดยไม่ต้องมีวีซ่า เริ่มมีผลตั้งแต่เดือนมี.ค.2567”
ไทยแอร์เอเชีย แนะแก้ไขภาพลักษณ์ความปลอดภัยอย่างเร่งด่วน
ก่อนหน้านี้ สันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV และบริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด กล่าวว่า ความท้าทายของตลาดจีนเที่ยวไทยซึ่งยังได้รับผลกระทบจากปัญหาความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยตั้งแต่ต้นปี ไทยแอร์เอเชียมองว่าช่วงที่เหลือของปีนี้ “ภาครัฐ” จำเป็นต้องเร่งฟื้นความเชื่อมั่นอย่างเร่งด่วน!
“เราฝากความหวังกับ ททท. และขอให้รัฐบาลแก้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาชาวจีน พร้อมจัดสรรงบประมาณในการส่งเสริมตลาดจีนเที่ยวไทยมากขึ้น ในสถานการณ์ที่หลายๆ ประเทศต่างรุมชิงนักท่องเที่ยวจีนไปใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจ”
สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาตลาดจีนเที่ยวไทยที่อยากเห็น คือ การแก้ไขภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัยซึ่งมีหลายวิธี เช่น การใช้สื่อในประเทศจีน การจัดสรรงบประมาณเพื่อให้สำนักงาน ททท. ทั้ง 5 แห่งในจีนนำไปส่งเสริมประชาสัมพันธ์ รวมถึงการออกแคมเปญร่วมกับบริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ (OTA) ของจีน โดยสายการบินก็พร้อมทำงานร่วมกับ ททท. ผ่านแผน “ควิกวิน” ต่างๆ เช่น การเชิญอินฟลูเอนเซอร์จีนเดินทางมาไทย
“นับเป็นจุดที่ต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ เพราะเรื่องภาพลักษณ์ของประเทศไทยเป็นสิ่งที่เราแก้ไขได้ ต่างจากปัญหาเศรษฐกิจจีนชะลอตัวที่มีโครงสร้างใหญ่เกินกว่าเราจะแก้ไข” ซีอีโอไทยแอร์เอเชีย กล่าว