ในวันที่ไลฟ์สไตล์ของผู้คนยุคปัจจุบันมีดิจิทัลเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ทำให้เราเข้าใกล้นวัตกรรมต่างๆ ไปโดยไม่รู้ตัว การก้าวออกไปนอกบ้านในแต่ละวันอาจจะได้พบกับนวัตกรรมใหม่ที่มาทำให้คุณภาพชีวิตของเราดีขึ้น ที่สำคัญคือ ‘นวัตกรรม’ ที่ดีต้องตอบสนองความต้องการของผู้คนและก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิม ไม่เว้นแม้แต่เรื่อง“อาหาร” นวัตกรรมไม่ใช่เรื่องไกลตัว ทุกวันนี้มีการใช้นวัตกรรมในกระบวนการผลิตหรือแปรรูปเพื่อให้ได้มาซึ่งอาหารรูปแบบใหม่ๆ ขณะเดียวกันไลฟ์สไตล์ของมนุษย์ที่คุ้นเคยกับการแชร์หรือบอกต่อ ทำให้แพลทฟอร์ม 31T (บิท) ที่เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมกิจกรรมได้เลือก “3” องค์ประกอบจากโต๊ะอาหารเพื่อมารวมเป็น “1” คำสำหรับการทดลองรสชาติและ “Tell” บอกต่อถึงประสบการณ์ที่ได้ค้นพบ กลายเป็นตัวแปรใหม่ในการต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมอาหารในปัจจุบัน
นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า
ทุกวันนี้ทุกอุตสาหกรรมต่างต้องคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และสินค้าให้เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มและต่อยอดทางการตลาด ซึ่งในอนาคตการส่งออกอาหารคือการตอบสนองไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในตลาดโดยที่ต้องคำนึงผลกระทบในวงกว้างในเรื่องความยั่งยืนทั้งของสังคมและนิเวศน์วิทยารวมถึงเรื่องจริยธรรม โดยภายในงานแสดงสินค้าอาหาร THAIFEX – World of Food Asia 2018 เองก็เช่นกัน มีผู้ผลิตอาหารหลายรายที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ซึ่งถูกคิดค้นด้วยวิธีใหม่ๆ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์และวิถีชีวิตของผู้คนในปัจจุบัน ทำให้การทานอาหารนั้นง่ายขึ้น สร้างสรรค์ขึ้น และมีการแปรรูปวัตถุดิบเพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มได้มากที่สุด สำหรับในปีนี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศโดยสำนักส่งเสริมนวัตกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่ม ได้จัดกิจกรรมพิเศษเพื่อสร้างโอกาสในการจับคู่ธุรกิจให้ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น ช่วยประหยัดเวลา และตรงกับความต้องการของผู้เข้าร่วมงานและผู้ผลิตสินค้า โดยใช้แพลทฟอร์ม 31T (บิท) ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่นำเอา “โภชนาการ (Gastronomy)” มาเชื่อมโยงเข้ากับ “โลกแห่งอินเตอร์เน็ต (Internet of Things)” โดยผลิตภัณฑ์อาหารส่วนหนึ่งนั้นได้รับการสนับสนุนจากสำนักกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และ สำนักพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ทำให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ทดลองรสชาติอาหารใหม่ๆ ที่ผสมผสานด้วยตัวเอง และนำไปสู่การค้นพบผลิตภัณฑ์ที่ต้องการ และเกิดการต่อยอดทางธุรกิจได้ในที่สุด กิจกรรม 31T นี้นับได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการเข้าชมงานและเป็นการยืนยันได้ว่านวัตกรรมนั้นสามารถสร้างประโยชน์ใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นได้ในทุกรูปแบบ
นางสาวจิตราภา เลิศทวีวิทย์ (ปราง) นักออกแบบประสบการณ์ และเจ้าของ Another New Design Studio เล่าว่า แพลตฟอร์ม 31T (บิท) นี้ ได้ร่วมกับมร.เปาโล บาร์เซลอส (Mr. Paulo Barcelos) นักเทคโนโลยีชาวบราซิลก่อตั้งขึ้นมา ซึ่งภายในงาน THAIFEX 2018 จะนำเสนอในรูปแบบ Interactive Tasting ภายใต้คอนเซ็ปต์ Filter – Inspire – Direct นั่นคือการที่ผู้ร่วมงานจะได้เลือกอาหาร 3 ชนิด จาก 60 ชนิดของอาหารซึ่งสะท้อนแง่มุมต่างๆ ของนวัตกรรมจากงาน THAIFEXและผู้ผลิตไทยมาผสมผสานกัน (Combination) ใน 1 คำ และทดลองรสชาติใหม่นั้นด้วยตัวเอง สามารถทำกี่ครั้งก็ได้ภายใน 20 นาที จากนั้นแชร์ประสบการณ์ที่ได้รับผ่านเวบแอปพลิเคชันของ 31T ในสมาร์ทโฟน โดยการตั้งชื่อให้กับอาหารคำนั้นหรือการบอกเล่าความรู้สึกก็ได้ ซึ่งจะปรากฏข้อความเหล่านั้นบนจอที่แสดงผลแบบเรียลไทม์ และนอกจากนี้ยังมีอีกจอที่นำเสนอรูปแบบอาหารที่ถูกผสมผสานซึ่งได้รับความนิยมในรสชาติมากที่สุด เพื่อส่งต่อประสบการณ์และกระตุ้นความอยากสัมผัสในรสชาตินั้นต่อผู้เข้าร่วมงานท่านอื่น หลังจากที่ทุกคนได้ค้นพบผลิตภัณฑ์ที่ถูกใจในกิจกรรมนี้แล้วก็สามารถมุ่งตรงไปสู่คูหาของผลิตภัณฑ์นั้นได้ทันทีเพื่อต่อยอดทางธุรกิจได้ต่อไป รูปแบบนี้นอกจากสร้างโอกาสให้กับผู้ซื้อและผู้ขายแล้ว ความแตกต่างของท้องถิ่นและวัฒนธรรมของผู้ซื้อแต่ละคนนั้นยังจะทำให้ค้นพบในเชิงลึกลงไปได้อีกว่าผลิตภัณฑ์ใดที่จะเหมาะกับธุรกิจของตัวเองได้มากที่สุดด้วย”
การเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ด้านรสชาติอาหารและเป็นผู้กำหนดคุณค่ากับอาหารต่างๆ เหล่านี้ จะทำให้เกิดข้อมูล (Data) มากมายที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ผลิตสินค้าอาหารในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ตอบโจทย์ความต้องการในอนาคต และยังเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการจับคู่ธุรกิจที่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะรู้ได้ทันทีว่าผลิตภัณฑ์อะไรคือสิ่งที่ตนกำลังมองหา โดยภายใน I+D Style CAFE จะปรากฏโต๊ะอาหารขนาดยาวเกือบ 4 เมตร ที่เต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์ 60 ชนิด ซึ่งมีความเป็นไปได้ในการผสมผสานให้เกิดรสชาติใหม่ๆ ถึง 205,320 แบบ
นอกจากอาหารแบรนด์ต่างๆ ที่ถูกนำมาใช้อย่างแป้งทำขนมที่ไม่ใช้ข้าวสาลีจึงปราศจากกลูเตน, ชูว์พัฟ (Choux Puff) ที่ทำจากแป้งจิ้งหรีด หรือ Cricket Powder,เมี่ยงคำธัญพืชแท่งที่นำเสนอรสชาติไทยในรูปแบบสากล, แมงกะพรุนอบแห้ง (Dried Jelly Fish) ซึ่งให้คุณค่าอาหารทางโปรตีนเป็นทางเลือกที่ดีต่อระบบนิเวศน์, ต้นอ่อนจากชุดปลูกไมโครกรีน (Microgreen Kit), กระเทียมโทนสีดำซึ่งมีคุณค่าอาหารสูง และ Superfood Ball Mix แล้ว ยังมีการรังสรรค์ชนิดของอาหารในรูปแบบใหม่ๆ ขึ้นมา อาทิ เม็ดไข่มุกที่ทำจากข้าวพื้นเมืองชนิดต่างๆ เพื่อต้องการส่งเสริมข้าวพื้นเมืองของประเทศไทย, มูสมะตูมเชื่อม และคัสตาร์ดลูกตาลซึ่งทำมาจากเนื้อตาล, มายองเนสสามเกลอหรือมายองเนสที่เกิดจากส่วนผสมของรากผักชี กระเทียม พริกไทย และเนยวีแกนจากเมล็ดฟักทอง เป็นต้น ซึ่งทำให้เห็นถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มจากอาหารที่เคยทานๆ กันมา
นวัตกรรมผลิตภัณฑ์อาหารนั้น คือ ไอเดียใหม่ของผลิตภัณฑ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน ที่สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภค หรือกระบวนการที่ทำให้เกิดผลลัพธ์ใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพกว่าเดิม หากเราจะคิดค้นสิ่งใหม่ให้กับแวดวงอาหาร วิธีหนึ่งที่ดีคือการมองภาพทั้งระบบและสำรวจว่าควรจะใช้ความชำนาญที่ตนมีเข้าไปเปลี่ยนแปลงปัจจัยใดเพื่อให้ได้ผลที่แตกต่าง ดังเช่น 5 คำถามเหล่านี้ที่อยากจะชวนให้เปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับอาหารเสียใหม่ “อาหารคืออะไร” การมองแหล่งอาหารใหม่ๆ ที่มีคุณค่าทางอาหารที่เราต้องการแต่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมที่น้อยลงกว่าเดิม หรือลองมองสิ่งที่ปกติเลือกจะตัดทิ้งและหาคุณค่าของสิ่งนั้นในฐานะอาหาร “เราได้อาหารที่เรากินมาจากไหน?” การมองหาอาหารจากแหล่งผลิตที่ดี ยั่งยืนกว่า มีความโปร่งใสในการผลิต มีจริยธรรมต่อแรงงาน “อาหารนั้นๆ ผ่านกระบวนการอะไร?” เช่นการแปรรูปที่น้อย การกลับไปสู่ธรรมชาติ การใช้เทคโนโลยีเพื่อให้อาหารนั้นๆ สร้างสารอาหารในตัวเองเพิ่มขึ้น “เราจะทานเข้าไปอย่างไร?” อาหารใหม่ที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลง อาหารที่ช่วยเสริมการทำงานของร่างกาย และสุดท้าย “ผลกระทบคืออะไร?” ซึ่งทุกคนควรคำนึงถึงว่าในแต่ละการผลิตและทุกๆ การบริโภคนั้นจะช่วยสร้างโลกที่ดีขึ้นอย่างไร”นางสาวจิตราภา กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถแวะเยี่ยมชมคูหา Food Innovation Pavilion ในพื้นที่ Innovation and Design Zone ในงานแสดงสินค้าอาหาร THAIFEX –World of Food Asia 2018 ตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคม – 2 มิถุนายน 2561 โดยกิจกรรม 31T แบ่งเป็น 3 รอบ ตั้งแต่เวลา 12.00 น., 14.00 น. และ 16.00 น. ใช้เวลา 20นาทีในแต่ละรอบ สามารถลงชื่อเข้าร่วมกิจกรรม หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 091 783 5874 และนอกจากกิจกรรมดังกล่าวแล้วภายในโซนนี้ยังมี I+D Style Function Bar รวบรวมเครื่องดื่มที่เต็มไปด้วยประโยชน์ต่อร่างกาย ด้วยชุดเครื่องดื่มนวัตกรรมที่จัดสรรตามฟังก์ชั่นต่างๆ ให้กับผู้เข้าร่วมงาน ดีไซน์พิเศษสำหรับงานนี้โดยเฉพาะ