จากกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)จังหวัดพิษณุโลกได้จัดเวทีรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านเกี่ยวกับเอกสารสิทธิ์ในพื้นที่นิคมสร้างตนเองบางระกำ โดยประเด็นหลักๆได้แก่ความล่าช้าในการออกเอกสารสิทธิ์จากหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดิน(นค.1) เปลี่ยนเป็นหนังสือแสดงการทำประโยชน์ในที่ดิน(นค.3) 

นายสุริชาติ  จงจิตต์ ผู้ปกครองนิคมสร้างตนเองบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ได้แจ้งกับทีมข่าวว่าปัจจุบันนิคมสร้างตนเองบางระกำ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการได้ออกหนังสือแสดงการทำประโยชน์ในที่ดิน(นค.3) ให้กับพี่น้องสมาชิกนิคมสร้างตนเองบางระกำไปแล้วกว่า 7,684 ราย คิดเป็นเกือบ 80% จากจำนวนสมาชิกทั้งหมดแล้ว ส่วนที่เหลือขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบการทำประโยชน์เพื่อเสนอให้กรมพิจารณาออก นค.3 ทุกวัน วันละ 7-8 ราย ซึ่งรวมอยู่ในผู้ที่มาให้ข้อมูลกับท่าน ส.ส.ด้วย 

     
สำหรับความล่าช้าที่เกิดขึ้นนั้นเนื่องด้วยปัจจุบันการออก นค.3 มีการตรวจสอบที่ละเอียดมากยิ่งขึ้นเพราะเป็นเอกสารที่จะต้องนำไปออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ หรือโฉนดที่ดิน และหากดำเนินการไม่ถูกต้องอาจถูกตรวจสอบและถูกดำเนินคดีได้ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ที่ดินนิคมสร้างตนเองตราบใดที่ยังไม่มีการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์หรือโฉนดที่ดิน “ก็ยังคงเป็นที่ดินของรัฐ” อยู่ในความรับผิดชอบของนิคมสร้างตนเอง กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ 

ผู้ใดจะครอบครองหรือได้สิทธิ์ในที่ดินนิคมต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น กล่าวคือจะต้องเป็นผู้มีรายได้น้อยหรือมีที่ดินไม่เพียงพอแก่การครองชีพ  และไม่ใช่เป็นการซื้อขายเปลี่ยนมือกันมา  สำหรับผู้ที่อ้างว่าครอบครองมาก่อนการจัดตั้งนิคมสร้างตนเองบางระกำหรือเป็นราษฎรเดิมนั้น ก็ต้องมีเอกสารหลักฐานการครอบครองหรือเอกสารที่ทางราชการออกให้มาก่อนการจัดตั้งนิคมฯ(ก่อนปี พ.ศ.2521)มาแสดง เช่น ทะเบียนบ้าน สด.9  ทร.14 หรือเอกสารอื่นๆที่ทางราชการออกให้

     
ด้านนายบุญจง คงอยู่เย็น ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 17 ตำบลหนองกุลา กล่าวว่า “ส่วนใหญ่ชาวบ้านที่นี่ได้เอกสาร นค.3 และนำไปออกโฉนดที่ดินกันเกือบหมดแล้ว บางรายก็ขายที่ดินไปบ้างแล้ว บางรายก็ไม่ได้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินด้วยตนเองเอาไปให้ผู้อื่นเช่า ซึ่งขัดกับกฎหมาย บางรายที่ยังติดอยู่ก็คือยังหาเอกสารที่บ่งบอกว่าตนเองเป็นราษฎรเดิมไม่ได้ สำหรับผู้ที่ติดปัญหาก็พาไปหาผู้ปกครองนิคม ท่านก็ช่วยแก้ปัญหา หาทางออกให้ แต่ก็ต้องเอาความจริงมาคุยกัน ”
    
นายสุริชาติ จงจิตต์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ทางนิคมฯต้องขอขอบคุณท่าน ส.ส. เป็นอย่างมากที่รับอาสาเป็นธุระในเรื่องนี้ให้ ที่ผ่านมาทางนิคมก็มิได้นิ่งนอนใจ  การออก นค.3 นิคมต้องส่งเรื่องไปออกที่กรมมิใช่อำนาจของผู้ปกครองนิคมอย่างที่เข้าใจกัน สมาชิกที่ได้ นค.1 ต้องมาเขียนคำร้อง(นค.2)เพื่อขอออก นค.3   นิคมไม่สามารถออก นค.3ให้โดยอัตโนมัติเองได้ เพราะการออก นค.3 ต้องมีการร้องขอจากสมาชิกและเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบการทำประโยชน์และข้อเท็จจริงอื่นๆ ว่าทำถูกต้องตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามกฎหมายหรือไม่ และเสนออธิบดีพิจารณาออก นค.3 ให้ต่อไป  ถ้ากรมมีข้อสงสัยหรือต้องการเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมก็จะแจ้งมาที่ที่นิคมฯ และนิคมก็จะหาหลักฐานแล้วส่งกลับไป  **รายไหนที่ถูกต้องตามกฎหมายและกรมตรวจสอบแล้วว่าถูกต้องโดยปราศจากข้อสงสัย ใดๆ อธิบดีก็จะลงนามออก นค.3 ได้เลย** 

เราลงพื้นที่ตรวจสอบกันทุกวันและตนได้ย้ำให้เจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบตามคิวเพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาอื่นๆตามมาอีก  สำหรับผู้ที่ถือ นค.1 ไว้ และยังไม่ได้ นค.3 ก็ขอยืนยันว่านิคมจะไม่ไปไล่ที่ท่านเด็ดขาด ท่านสามารถทำกินได้ตามปกติชั่วลูกชั่วหลาน ทั้งนี้ได้พบและพูดคุยกับท่าน ส.ส.ในเย็นวันดังกล่าวแล้ว โดยท่านจะรวบรวมข้อมูลและนำมาหารือ แก้ปัญหาเป็นรายกรณีไป เพราะแต่ละคนข้อเท็จจริงน่าจะไม่เหมือนกัน  สำหรับผู้ที่ไม่ได้ไปร่วมเวทีกับท่าน ส.ส.ในวันดังกล่าวก็สามารถมายื่นเอกสาร สอบถามความคืบหน้า หรือเข้าพบเพื่อปรึกษาหารือกับผู้ปกครองนิคมได้ตลอดโดยให้มาติดต่อที่ที่ทำการนิคมสร้างตนเองบางระกำ จังหวัดพิษณุโลกทุกวันเวลาราชการ

พิษณุโลก/ศริตวรรธน์ อัครชินพรรณ/ รายงาน