โดยต้องเพิ่มปริมาณเงินในระบบศก.ด้วย และควรลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน จะทำให้ GDP เติบโตได้มาก หากกู้มากินมาใช้ GDP ก็เพิ่มน้อย และหากต้องการเพิ่ม GDP growth ให้สูงๆนานๆ ก็ต้องใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำ ค่าเงินบาทอ่อน เงินเฟ้อ 3-4%
1.ศาสตราจารย์ ดร. สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จากสมการ GDP=C+I+G+(X-M): GDP คือรายได้ ต้องไปหารายได้มาก่อน ส่วนใหญ่ๆ เลยกว่า 65% หามาจากขายของได้ คือส่งออกและท่องเที่ยว (X) ทำให้ GDP เพิ่มขึ้น แล้วจึงนำรายได้นั้น มาจ่ายบริโภค (C) และจ่ายลงทุนและเทคโนโลยี่ (I) ตัว C, I ต่ำ จึงเป็นผลมาจาก GDP เติบโตต่ำ ไม่ใช่เหตุ
2.การเพิ่ม GDP growth ต้องแก้ที่เหตุคือดอกเบี้ยสูงไป และค่าเงินบาทแข็งไป ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ ทำให้การลงทุนเอกชน (I) น้อย และรายได้จากส่งออกและท่องเที่ยว (X) น้อย ซึ่งทำให้ GDP growth ต่ำ "ดอกเบี้ยและค่าเงินบาทที่แข็งไป จึงเป็นเหตุแห่งปัญหา" เราจึงควรแก้ปัญหาที่เหตุ
3.รัฐบาลยังสามารถเพิ่มการใช้จ่ายรัฐ (G) นำไปสร้างโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ทั้ง Hard และ Digital ที่คาดว่าจะใช้เงิน 157,000 ล้านบาท แต่ควรเป็นโครงการที่ทำแล้วมีของที่เป็นประโยชน์เป็นทุนของชาติ (Capital) เหลืออยู่ด้วย ไม่ควรเอาเงินไปจ่ายแล้วหมดไปไม่เหลือทุนถาวรอยู่เลย
4.ที่สำคัญรายจ่ายนี้ยังไม่ได้กู้เงิน ควรกู้โดยออกพันธบัตรรัฐบาลขายทั้งหมดให้แบงค์ชาติ เพื่อเพิ่มปริมาณเงิน (Money supply) ด้วย หากกระทรวงการคลังไปกู้แบบเดิมๆ ก็จะเกิด Crowding out คือไปลดปริมาณเงินที่กู้อยู่แล้วของเอกชน และยังไปเพิ่มดอกเบี้ยในตลาดทำให้เงินต่างประเทศไหลเข้ามีผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นไปอีก ไปลดการส่งออกและท่องเที่ยว จึงทำให้ GDP เพิ่มได้ไม่มากนัก เราอาจเห็นถนน, แหล่งน้ำเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มการใช้จ่ายรัฐบาล แต่สิ่งที่เราไม่เห็นคือ ผลผลิตเอกชนและการส่งออกท่องเที่ยว ที่ควรจะเพิ่มขึ้น แต่หายไป.. ดร. สุชาติ กล่าว