ดีอี แจงงบในปี 2569 หลังได้รับการจัดสรรงบประมาณรวมทั้งสิ้น 10,223 ล้านบาท ระบุถือเป็นการยืนยันบทบาทของกระทรวงในการเป็นหนึ่งในกลไกหลักของรัฐบาลในการสร้าง “เครื่องยนต์ใหม่” ทางเศรษฐกิจ รับเทคโนโลยีอนาคต
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่า กระทรวงดีอีกำลังเดินหน้าอย่างจริงจังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล โดยในปีงบประมาณ 2569 กระทรวงได้รับการจัดสรรงบประมาณรวมทั้งสิ้น 10,223 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 618.3 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการยืนยันบทบาทของกระทรวงในการเป็นหนึ่งในกลไกหลักของรัฐบาลในการสร้าง “เครื่องยนต์ใหม่” ทางเศรษฐกิจ
นายประเสริฐระบุว่า งบประมาณที่ได้รับในปีนี้จะถูกนำไปใช้ในการดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์หลักของกระทรวง 3 ด้านสำคัญ ได้แก่
ในด้านโครงสร้างพื้นฐานและนวัตกรรมดิจิทัล งบประมาณกว่า 736 ล้านบาทจะถูกใช้เพื่อสนับสนุนระบบนิเวศด้านเทคโนโลยีที่เอื้อต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในอนาคต อาทิ การผลักดันระบบ ThaID ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มยืนยันตัวตนดิจิทัลมาใช้แทนลายเซ็นเอกสารกระดาษ การพัฒนาธุรกิจสตาร์ตอัปและอุตสาหกรรมคอนเทนต์ดิจิทัล ตลอดจนการวางระบบวัดมูลค่าเพิ่มของอุตสาหกรรมดิจิทัลที่ส่งผลต่อ GDP ของประเทศ การพัฒนาพื้นที่ให้กลายเป็นระบบนิเวศดิจิทัลเพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจเชิงพื้นที่
อีกหนึ่งภารกิจสำคัญคือการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล โดยได้รับการจัดสรรงบประมาณ 443 ล้านบาท เพื่อดำเนินการพัฒนาให้ประชาชนสามารถเข้าถึงดิจิทัลอย่างเท่าเทียม มีความรู้เท่าทันเทคโนโลยี ไม่ตกเป็นเหยื่อของภัยออนไลน์
รวมถึงการยกระดับศูนย์ ICT ชุมชนให้กลายเป็นศูนย์ดิจิทัลชุมชนที่ทันสมัย ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาทักษะของคนในพื้นที่ให้สามารถปรับตัวสู่สังคมดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในขณะเดียวกัน ภารกิจที่ใช้งบประมาณมากที่สุดคือการส่งเสริมการให้บริการด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล ซึ่งได้รับงบถึง 6,550 ล้านบาท โดยจะเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล เช่น GDCC Cloud หรือคลาวด์กลางของภาครัฐ การขยายระบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (e-doc) ไปยังหน่วยงานรัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ การพัฒนาคลาวด์ด้านสาธารณสุขเพื่อรองรับระบบสาธารณสุขดิจิทัล การสนับสนุนเมืองอัจฉริยะ การพัฒนาระบบพยากรณ์อากาศที่แม่นยำ การดำเนินงานของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ศูนย์ AOC1441 และศูนย์ข้อมูลกลางภาครัฐสำหรับประชาชน
สำหรับการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลของแรงงานและประชาชน ได้รับงบประมาณ 97 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการจัดหลักสูตรฝึกอบรมพัฒนาทักษะใหม่ (Reskill-Upskill) ให้แก่ประชาชนทุกกลุ่มวัย เน้นการเตรียมความพร้อมสู่ตลาดแรงงานในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล การสื่อสารความรู้เรื่องเศรษฐกิจดิจิทัลผ่านช่องทางของกระทรวง และการส่งเสริมการใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ในภาคธุรกิจและภาครัฐ
ด้านความมั่นคงปลอดภัยและความเชื่อมั่นในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล งบประมาณ 489 ล้านบาทจะถูกนำไปใช้ในภารกิจสำคัญ อาทิ การสร้างความร่วมมือกับทั้งในและต่างประเทศเพื่อป้องกันภัยจากโลกไซเบอร์ การวางระบบความมั่นคงสำหรับธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ การจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการพัฒนากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจดิจิทัลและการคุ้มครองข้อมูล
ท้ายที่สุด คืองบประจำที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายพื้นฐานของกระทรวงและหน่วยงานในสังกัด ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน ค่าจ้าง ค่าสาธารณูปโภค และการดำเนินงานตามภารกิจหลัก โดยมีวงเงินรวม 1,985 ล้านบาท
งบประมาณทั้งหมดที่ได้รับจะไม่ถูกใช้เพียงเพื่อการลงทุนระยะสั้น แต่จะวางรากฐานที่มั่นคงให้กับประเทศไทยในระยะยาว เพื่อให้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นเครื่องมือที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน เพิ่มประสิทธิภาพของภาครัฐ และสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในเวทีโลก
“เป้าหมายของเราไม่ใช่แค่การให้ประชาชนเข้าถึงเทคโนโลยี แต่ต้องทำให้เขาใช้เป็น ใช้อย่างปลอดภัย และใช้เพื่อสร้างมูลค่าใหม่ให้กับชีวิตและสังคม” เขากล่าว
ในโลกที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หากประเทศไม่ปรับตัว ย่อมเสี่ยงที่จะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง การวางรากฐานดิจิทัลวันนี้ จึงเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตที่มั่นคงของประเทศไทยในวันข้างหน้า