ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มกำกับดูแลและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า สำนักงานพาณิชย์จังหวัดบุรีรัมย์ สหกรณ์การเกษตรคูเมือง จำกัด และผู้ประกอบการโรงสี 3 ราย จัดโครงการตลาดนัดข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2558/59 ที่สหกรณ์การเกษตรคูเมือง จำกัด ตั้งอยู่บ้านโนนเพกา อ.คูเมือง เป็นครั้งแรกของจังหวัด เพื่อช่วยเหลือชาวนาหลังประสบปัญหาราคาตกต่ำทั้งเป็นทางเลือกและสร้างความเป็นธรรมให้แก่ชาวนา
สำหรับตลาดนัดข้าวเปลือกดังกล่าวจะรับซื้อข้าวเปลือกของเกษตรกรในราคากิโลกรัมละ 11.40 บาท หรือตันละ 11,400 บาท ที่เปอร์เซ็นต์ต้นข้าว 36 กรัม และปรับลดตามเปอร์เซ็นต์หรือความชื้นของข้าวเปลือก ซึ่งสูงกว่าท้องตลาดที่รับซื้อในราคากิโลกรัมละ 7-8 บาทบางพื้นที่ถูกกดราคาเหลือเพียงกิโลกรัมละ 6 บาทเท่านั้น ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำสุดในรอบหลายปี สร้างความเดือดร้อนแก่เกษตรผู้ปลูกข้าวหลายพื้นที่ต้องชะลอนำไปออกจำหน่ายเพราะไม่คุ้มทุน แต่บางรายที่มีความจำเป็นต้องนำเงินไปเป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือน และชำระหนี้สินก็จำใจต้องขายแม้จะได้ราคาต่ำ หลังจากมีการเปิดตลาดนัด มีเกษตรกรสนใจนำรถบรรทุกข้าวเปลือกมาเข้าคิวรอขายอย่างคึกคัก ไม่ต่ำกว่าวันละ 500 ตัน โดยจะเปิดถึงวันที่ 18 ธันวาคม 2558
นายเพี้ยง รักศร ชาวนาบ้านสำโรง ต.พรสำราญ อ.คูเมือง กล่าวว่า การเปิดตลาดรับซื้อข้าวเปลือกในครั้งนี้แม้จะมีราคาสูงกว่าท้องตลาด แต่ยังเป็นราคาที่ต่ำกว่าต้นทุน เพราะเกษตรกรต้องแบกรับภาระ ทั้งค่าปุ๋ยยาปราบศัตรูพืช ค่าเก็บเกี่ยว ทั้งยังเสี่ยงกับภัยธรรมชาติฝนแล้งน้ำท่วม ทำให้ได้ผลผลิตไม่เต็มที่ จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลหรือหน่วยงานภาครัฐเข้ามาดูแลกำหนดราคาซื้อขายข้าวให้อยู่ที่ตันละ 14,000-15,000 บาท จึงจะเป็นราคาที่คุ้มทุนเกษตรกรสามารถอยู่ได้
ด้านนายปรารภ ลิไธสง ผอ.กลุ่มกำกับดูแลและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า กล่าวว่า โครงการเปิดตลาดนัดรับซื้อข้าวในครั้งนี้เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ชาวนาให้เกิดการแข่งขันทางการตลาด ทั้งเพื่อให้ชาวนาได้รับความเป็นธรรมทั้งเรื่องราคา เครื่องชั่ง และขั้นตอนการตรวจวัดความชื้นหรือคุณภาพข้าว โดยมีเป้าหมายจะเปิดตลาดนัดรับซื้อข้าวเปลือกจำนวน 3 ครั้ง ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกคาดว่าจะมีเกษตรกรนำข้าวมาเข้าขายในโครงการวันละกว่า 500 ตัน ทั้งนี้จากข้อมูลพบว่าปีนี้ จ.บุรีรัมย์มีพื้นที่ปลูกข้าวกว่า 3 ล้านไร่ คาดว่าจะมีผลผลิตข้าวทั้งหมดกว่า 1,100,000 ตัน