นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึง กรณีที่ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติเอกฉันท์ ผ่านร่างพ.ร.บ.งบประมาณ รายจ่ายประจำปี 2561 ว่า ในช่วง 4 ปี ตั้งแต่ 2557 - 2561 ที่รัฐบาลคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช .)เข้ามาบริหารประเทศ พบว่า มีการใช้งบเกินดุลใน 4 ปี นี้ถึง 1.79 ล้านล้านบาท ภายใต้หลักการ ใช้งบรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุน โดย โครงสร้างพื้นฐาน จำนวนมหาศาล ผลที่ได้พบว่า GDP ของประเทศสูงขึ้น แต่ความสุขของคนไทยกลับลดลง ราคาผลผลิตการเกษตรตกต่ำ เกิดภาวะเงินฝืด กำลังซื้อประชาชนลดลง การค้าของกลุ่ม SME ตกต่ำ ประชาชนลำบากทั้งประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นชัดเจนว่า แนวทางการใช้งบประมาณผิดเป้าหมาย ก่อให้เกิดภาวะรวยกระจุกจนกระจาย
นพ.ระวีกล่าวว่ายุคนี้การบริหารเศรษฐกิจของประเทศให้ได้ผลดี ต้องดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจ ให้สมดุลทั้ง 3 ภาคส่วน คือเศรษฐกิจภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน สำหรับงบประมาณปี 2562 ที่เป็นเงินถึง 3 ล้านล้านบาท แต่มีการตั้งงบเกินดุลอีก 4 แสนล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ไม่ได้มีการเปลี่ยนทิศทางการแก้ไขปัญหาเลย ผมจึงเสนอให้ ท่านนายกรัฐมตรี (พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา )ทบทวน และปรับแนวทาง ในการใช้งบประมาณใหม่ โดยมุ่งเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศรากหญ้าเป็นหลัก
“ถ้าไม่ปรับเปลี่ยนแนวทาง และยังคงใช้แนวทางเดิม ๆผมขอเป็น ตัวแทนคนไทย ผู้ใช้ภาษีจากทั่วประเทศ เสนอว่า อย่าใช้งบเกินดุลอีกเลย บอกตรงๆว่า รู้สึกเสียดายงบของประเทศจำนวนมาก ที่ถูกใช้ไปอย่างไม่คุ้มค่า นอกจากเศรษฐกิจภาคประชาชนไม่ฟื้นแล้ว หนี้สินของคนไทยทุกคนที่ในปี 2557 อยู่ที่ประมาณ 1.5แสนบาทต่อคน ใน 5 ปีนี้ (2557-2562) รัฐบาลใช้งบเกินดุล 2.24 ล้านล้านบาท น่าจะส่งผลให้หนี้ของคนไทย เพิ่มขึ้นกว่า 1.7แสนบาทต่อคน แน่นอน”