ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
คุณภาพชีวิต ย้อนกลับ
“พิพัฒน์” นำไทยให้สัตยาบันอนุสัญญา ILO ฉบับที่ 155 ก้าวสำคัญสู่มาตรฐานความปลอดภัยแรงงานระดับสากล
11 มิ.ย. 2568

วันที่ 10 มิถุนายน 2568 เวลาท้องถิ่น 15.00 น. ณ อาคารสหประชาชาติ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส – นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน และคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง ได้เข้าพบหารือกับ นายกิลเบิร์ต ฮุง โบ ผู้อำนวยการใหญ่องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) เพื่อยืนยันบทบาทของประเทศไทยในเวทีแรงงานโลก และรายงานความคืบหน้าการดำเนินนโยบายด้านแรงงานที่สำคัญ

ไฮไลต์สำคัญของการหารือครั้งนี้คือ การที่ประเทศไทยให้สัตยาบันอนุสัญญา ILO ฉบับที่ 155 ว่าด้วยความปลอดภัยในการทำงาน พร้อมพิธีสาร ค.ศ. 2002 ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญเชิงรุกของกระทรวงแรงงานไทย ในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของแรงงานให้ทัดเทียมนานาประเทศ และเป็นประเทศแรก ๆ ในภูมิภาคอาเซียนที่ดำเนินการในเรื่องนี้

นายพิพัฒน์  กล่าวว่า การให้สัตยาบันในครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การลงนามในเอกสาร แต่เป็นการแสดงจุดยืนของประเทศไทยว่า เราพร้อมสร้างสถานที่ทำงานที่ปลอดภัย มีคุณภาพ และคำนึงถึงศักดิ์ศรีของแรงงานทุกคน ไม่ว่าจะเป็นแรงงานไทยหรือต่างชาติ เพราะความปลอดภัยในการทำงานคือรากฐานของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืน

สำหรับกรณีการผลักดันให้สัตยาบันอนุสัญญา ILO ฉบับที่ 155 อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานรายงานว่า การดำเนินการครั้งนี้เป็นผลจากการขับเคลื่อนตามนโยบายหลักของ นายพิพัฒน์ที่มุ่งเน้นส่งเสริมความปลอดภัย 3 ด้าน ได้แก่ 1. การบังคับใช้กฎหมายความปลอดภัยอย่างจริงจัง 2.การสร้างความตระหนักรู้ในสถานประกอบกิจการ 3.การปลูกฝังวัฒนธรรมความปลอดภัยให้ยั่งยืนในทุกมิติ

โดยนายพิพัฒน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า เรามุ่งมั่นให้แรงงานไทยมีชีวิตการทำงานที่มีความปลอดภัย และ อาชีวอนามัย สามารถพัฒนาตนเองได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมทำงานในอนาคตอย่างมั่นใจ นี่คือหัวใจของการเป็นแรงงานที่เข้มแข็ง และประเทศไทยจะไม่หยุดพัฒนาในเรื่องนี้”

ด้านผู้อำนวยการใหญ่ ILO ได้แสดงความชื่นชมประเทศไทยที่ให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยในการทำงาน และย้ำว่า อนุสัญญาฉบับนี้ได้ถูกยกระดับเป็น “อนุสัญญาพื้นฐานของ ILO” ซึ่งการให้สัตยาบันของไทยจะส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ประเทศ โดยเฉพาะต่อประเทศคู่ค้าจากยุโรปที่ให้ความสำคัญกับมาตรฐานแรงงานในมิตินี้

นอกจากนี้ ยังได้หารือประเด็นความร่วมมือเชิงนโยบายเพิ่มเติม โดย ILO ได้แสดงความชื่นชมบทบาทของไทยในการดูแลแรงงานข้ามชาติ การสนับสนุนสหภาพแรงงานเมียนมาในช่วงวิกฤต รวมถึงการเตรียมเข้าร่วม Global Coalition for Social Justice ซึ่งจะเสริมสร้างบทบาทของไทยในระดับภูมิภาคให้ชัดเจนยิ่งขึ้น อีกทั้ง ILO ยังยกให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสำคัญขององค์การสหประชาชาติในภูมิภาคเอเชีย โดยมีสำนักงานประจำภูมิภาคตั้งอยู่ที่กรุงเทพมหานคร

ด้านปลัดบุญสงค์ กล่าวเสริมว่า โดยทั่วไปแรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศมีความพร้อมและไม่ค่อยประสบปัญหา เนื่องจากมีการอบรมและแนะแนวก่อนเดินทาง แต่ยังมีข้อท้าทายเรื่อง “งานไม่ตรงกับความคาดหวังของแรงงาน” ในบางตำแหน่งงาน ซึ่งเป็นจุดที่ไทยจะพัฒนาให้ดีขึ้นต่อไป
และ ในช่วงการหารือ ผู้บริหารของกระทรวงแรงงานไทยได้รายงานความคืบหน้าของนโยบายสำคัญ อาทิ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ได้นำเสนอแนวทางการเสริมทักษะของแรงงานต่างด้าวผ่านกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อยกระดับประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการทำงาน และได้ตอบข้อซักถามของ ILO ถึงแนวทางการดูแลแรงงานไทยหลังกลับจากต่างประเทศ โดยยกตัวอย่างกรณีแรงงานเกษตรจากอิสราเอล ที่ถูกดึงกลับมาเป็นวิทยากรถ่ายทอดองค์ความรู้ด้าน “เกษตรอัจฉริยะ” หรือ “เกษตรใช้น้ำน้อย” ให้แก่เกษตรกรไทย

ในการนี้ กระทรวงแรงงานมียินดีที่จะต้อนรับ ผู้อำนวยการใหญ่ ILO ในการเดินทางเยือนประเทศไทยในเดือนตุลาคม 2568 เพื่อเยี่ยมชมผลการดำเนินงานด้านแรงงานอย่างเป็นรูปธรรม และหารือแนวทางความร่วมมือเพิ่มเติมระหว่างกันต่อไป

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 1 - 15 มิถุนายน 2568
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
02 มิ.ย. 2568
หากจะพูดหรือเอ่ยถึง “กูรู” หรือ “ผู้รู้” โดยเฉพาะด้านกฎหมาย ที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางแล้ว ชื่อของ “ไพศาล พืชมงคล” ย่อมจะถูกปฎิเสธได้อยากยิ่ง เพราะไม่เพียงแต่บุคคลผู้นี้จะคร่ำหวอดในวงการกฎหมายมาอย่างยาวนา...