ที่ประชุม กบง. มีมติสนับสนุนการผลิตและการใช้น้ำมันดีเซลที่มีสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลไม่เกินร้อยละ 20 (B20) ให้มีราคาต่ำ (ถูกกว่า B7 3 บาทต่อลิตร) เพื่อให้ช่วยลดภาระต้นทุนค่าบริการขนส่งและค่าโดยสารสาธารณะ จึงมีมติให้กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง พิจารณาลดอัตราเรียกเก็บภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันดีเซล (B20) ลงเหลือ 5.1523 บาทต่อลิตร
อย่างไรก็ตามเพื่อลดผลกระทบของการลดอัตราเรียกเก็บภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันดีเซล (B20) ดังกล่าวข้างต้น ต่อรายรับของประเทศ จึงมีมติให้กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง พิจารณาเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันดีเซล 0.14 บาทต่อลิตร เป็น 5.9895 บาทต่อลิตร และเพื่อไม่ให้ผู้ใช้น้ำมันดีเซลได้รับผลกระทบจากการเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตข้างต้น จึงมีมติให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงชดเชยราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วในอัตราประมาณ 0.14 บาทต่อลิตร ทั้งนี้ คาดว่าจะมีผลตั้งแต่คณะรัฐมนตรีจะมีมติเห็นชอบ
นอกจากนี้ ที่ประชุม กบง. ยังรับทราบตามที่กรมธุรกิจพลังงาน ได้เสนอแนวทางการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซล (B20) โดยจะจัดทำ 1. คำแนะนำในการบำรุงรักษารถยนต์ 2. รายชื่อรุ่นและยี่ห้อรถยนต์ที่สามารถใช้ได้ 3. รายชื่อผู้จำหน่ายและสถานที่ตั้งจุดจำหน่ายน้ำมันดีเซล B20 ซึ่งได้ชี้แจงแนวทางการดำเนินการแก่ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 และผู้ประกอบการรถบรรทุกขนาดใหญ่แล้ว เพื่อสร้างความรับรู้ ประชาสัมพันธ์ และสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการว่าสามารถใช้น้ำมันดีเซล B20 อย่างไรถึงจะไม่กระทบต่อเครื่องยนต์
เหตุผลสำคัญในการดำเนินการครั้งนี้ เพื่อหยุดการใช้เงินกองทุนในการชดเชยราคาแก๊สโซฮอล E20 และ E85 ซึ่งที่ผ่านมากองทุนยังมีการชดเชยอยู่ 341 ล้านบาทต่อเดือน ทั้งนี้เพื่อสำรองเงินคงเหลือสุทธิ 30,376 ล้านบาท ใช้กองทุนเพื่ออุดหนุนราคา B20 และรักษาเสถียรภาพราคาดีเซลให้อยู่ในระดับ 30 บาทต่อลิตร ตลอดปี