ก.พลังงาน เร่งผลักดันโครงการขยายระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคเหนือ เริ่มจาก อ.บางปะอินไปยัง จ.ลำปาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เริ่มจาก จ.สระบุรี ไปยัง จ.ขอนแก่น รวมมูลค่าการลงทุน 2 เส้นทาง จำนวน 20,600 ล้านบาท หวังกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศและเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งน้ำมันของประเทศ
พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระพลังงาน เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2558 เห็นชอบให้กระทรวงพลังงาน ดำเนินโครงการขยายระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นโครงการที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งน้ำมันของประเทศ โดยมอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เป็นผู้ดำเนินการพิจารณาคัดเลือกผู้ลงทุนที่จะมาพัฒนาโครงการฯ เพื่อให้เกิดการแข่งขันเสรี และเพื่อให้ระบบการขนส่งน้ำมันของประเทศมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด
ความคืบหน้าการดำเนินงาน ปัจจุบัน ธพ.ได้พิจารณาคัดเลือกผู้ลงทุนขยายระบบการขนส่งน้ำมันทั้ง 2 เส้นทางเรียบร้อยแล้ว โดยเส้นทางภาคเหนือ ได้แก่ บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT) ซึ่งจะทำการต่อขยายจากระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อเดิมที่ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยแบ่งการลงทุนเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 อ.บางปะอิน – จ.กำแพงเพชร ระยะทาง 350 กิโลเมตร และระยะที่ 2 จ.กำแพงเพชร – จ.ลำปาง ระยะทาง 220 กิโลเมตร โดยมีคลังน้ำมันปลายทางที่ จ.พิจิตร และ จ.ลำปาง ใช้งบประมาณ ในการลงทุนประมาณ 7,500 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันกระทรวงพลังงาน โดย ธพ. ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) การดำเนินโครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคเหนือ ร่วมกับบริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดย ธพ. จะทำหน้าที่ให้การสนับสนุนผู้ลงทุนฯ ในการดำเนินการประสานขอความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องในการวางท่อขนส่งน้ำมัน ออกใบอนุญาตให้ผู้ลงทุนและ ให้ข้อเสนอแนะ แนะนำ และข้อคิดเห็นต่อการดำเนินโครงการ ให้สอดคล้องกับแนวนโยบายของรัฐ ส่วนผู้ลงทุนจะต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2559 และก่อสร้างระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อและคลังน้ำมันให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2561