ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ย้อนกลับ
วิสุทธิ์ ธรรมเพชร นายก อบจ.พัทลุง “คิดด้วยกัน ทำด้วยกัน”
17 มิ.ย. 2568

หากจะหันไปมองการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ อบจ. ที่ผ่านมาหมาดๆ เมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา ใน 47 จังหวัดทั่วประเทศ กล่าวได้ว่า กลุ่ม “บ้านใหญ่” กวาดไปได้เป็นส่วนใหญ่ตามคาด และก็มีจำนวนถึง 29 คน ที่คว้าชัยการเลือกตั้งติดต่อกันได้สองสมัย (2563 และ 2568) แต่ที่น่าจับตาและอยากนำมากล่าวถึงในวันนี้ก็คือ นายก อบจ.พัทลุง “วิสุทธิ์ ธรรมเพชร” เพราะอีกด้านหนึ่ง เขายังมีตำแหน่งเป็นถึงรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ด้วย  คือพรรค “รวมไทยสร้างชาติ” ที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน

            นายก วิสุทธ์ ธรรมเพชร หรือที่ใครเรียกขานกันว่า “นายกพร” หัวหน้าทีมกลุ่มพลังพัทลุง คว้าชัยมาด้วยคะแนน 134,128  คะแนน ทิ้งห่างคู่แข่งที่เข้ามาเป็นที่ 2 ที่ได้คะแนนเสียง  90,806  คะแนน นั่นย่อมหมายถึงศรัทธาของประชาชนชาวพัทลุงยังคงมีให้กับ นายกพร ผู้นี้ ยังไม่เสื่อมคลาย ให้ครองเก้าอี้ นายก อบจ.พัทลุง เป็นสมัยที่ 3

                กล่าวได้ว่า ตระกูล “ธรรมเพชร” อยู่ในแวดวงการเมืองมาอย่างต่อเนื่อง “วิสุทธ์ ธรรมเพชร” เป็นสมาชิกจาก “บ้านใหญ่ของพัทลุง” ที่รู้จักกันดีแวดวงการเมืองพัทลุงว่า เป็นตระกูลที่สร้างนักการเมืองมาแล้วมากมาย สืบทอดความเป็นนักการเมืองมาตั้งแต่รุ่นปู่ มาถึงบิดา ที่ครองตำแหน่ง “กำนัน” มายาวนาน

มาถึง “สุพัฒน์ ธรรมเพชร” อดีต สส.พัทลุง 6 สมัย “สุพัชรี ธรรมเพชร” อดีต สส.พัทลุง 2 สมัย ในพื้นที่ยังมีพี่ชายคนโตอย่าง “เสถียร ธรรมเพชร” นั่งเก้าอี้นายกเทศมนตรีตำบลโคกชะงาย ล่าสุด “นิติศักด์ ธรรมเพชร” ลูกชาย .....ยังเป็น สส.เขต 2 พัทลุง สังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติอยู่ด้วย

นายกพรเล่าว่า ตัวเขาเป็นคนพัทลุงตั้งแต่กำเนิด โดยเกิดที่ตำบลโคกชะงาย อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง คุณพ่อ- คุณแม่ เป็นเกษตรกรทำสวนทำนา โดยคุณพ่อจะเป็นกำนันด้วยที่โคกชะงาย

เริ่มเรียนหนังสือชั้นประถมศึกษา ป.1-ป.7 ที่โรงเรียนวัดทุ่งยาว แล้วมาต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น มศ.1-3 ที่ โรงเรียนวีรนาทศึกษามูลนิธิ และในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย มศ.4-5 ที่โรงเรียนพัทลุงวิทยา หลังจากนั้นก็มาต่อสายอาชีพ ปวท.ช่างสำรวจ ที่เทคโนโลยีสงขลา อีก 2 ปี โดยไปๆ มาๆ ระหว่างพัทลุงกับสงขลาอยู่ระยะหนึ่ง

“ชีวิตในวัยเด็กถือว่าลำบากพอสมควร คุณพ่อที่เป็นกำนันเสียชีวิตตั้งปี 2512 ด้วยการลอบยิงของคอมมิวนิสต์ในสมัยนั้นที่บริเวณหน้าบ้าน ขณะท่านจะเดินทางไปประชุมประจำเดือนที่อำเภอเมือง ซึ่งนั้นผมมีอายุเพียง 6 ขวบ หลังจากนั้นก็ต้องเรียนและช่วยแม่ทำนาทำสวนไปด้วย จนคุณแม่ส่งเสียจนเรียนจบ”

สำหรับพี่น้อง นายกพร บอกว่า ถ้าท้องคุณแม่เดียวกันมีทั้งหมด 8 คน ชาย 6คน หญิง 2 คน โดยตัวเขาเป็นคนสุดท้อง และยังมีพี่น้องต่างมารดาอีก 3 คน จึงรวมมีพี่น้องทั้งหมด 11 คน

หลังจากจบช่างสำรวจแล้ว ก็เข้าทำงานเป็นทหารช่าง ตำแหน่งนายสิบทหารช่าง ที่กองพัน 402 ที่จังหวัดพัทลุง อยู่ 11 ปี จนมาได้จ่าสิบโท ก็สอบโอนย้ายมาเป็นข้าราชการอยู่ที่กรมที่ดิน ที่ยะลาบ้าง พัทลุงบ้าง สลับไปมาหลายอำเภออยู่ที่กรมที่ดินอีก 16 ปี 7 เดือน

“ผมตัดสินใจออกจากราชการกรมที่ดินเมื่อปี 2554 หลังจากนายก อบจ.พัทลุง สานันท์ สุพรรณชนะบุรี ครบวาระประกาศยุติบทบาททางการเมือง ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ ผมก็พร้อมเสนอตัวเข้าชิงตำแหน่ง โดยก่อนหน้านี้ทางด้านการเมือง ตั้งแต่ปี 2535 เป็นต้นมา ได้เข้าไปช่วยงานด้านการเมืองให้กับ พี่ สุพัฒน์ ธรรมเพชร สส.พรรคประชาธิปัตย์มาต่อเนื่อง ผมก็ได้เข้าทำหน้าที่เป็นเหมือนแม่บ้านชวยดูแลทางด้านการเมืองให้พี่สุพัฒน์ มาตลอด”

นายกพร ยังบอกด้วยว่า ก่อนที่จะลาออก ตอนนั้น ปี 2554 ก็เริ่มตัดสินใจจะเข้าสู่การเมือง โดยขณะนั้นก็ได้เข้าเรียนปริญญาตรีด้านพัฒนาชุมชน ที่มหาวิยาลัยราชภัฎ สงขลา เพื่ออยากรู้จุดอ่อนจุดแข็งของชุมชน อยากรู้ความเป็นชุมชนเมือง ชุมชนชนบทเขาอยู่กันยังไง ซึ่งเราก็คิดว่า เมื่อจบพัฒนาชุมชนแล้ว เราจะบริหาร อบจ.อย่างไร โดยยอมรับว่า การบริหารคนเป็นสิ่งที่ยากมาก ผิดกับการบริหารโครงการ บริหารงบประมาณ สามารถทำได้ เพรามีแผนรองรับอยู่แล้ว

                อย่างไรก็ตาม การลงชิงนายก อบจ.พัทลุง ครั้งนั้น แม้จะเคยช่วยงานพรรคประชาธิปัตย์มา แต่ก็ขอลงในนามของทีมมากกว่า เพราะเชื่อว่า นายกพร บอกว่า การเมืองระดับชาติ ใครักใครชอบใครก็ว่ากันไป แต่เมื่อเป็นการเมืองในระดับท้องถิ่นผมอยากเอาทุกพรรคมาช่วยกันเพื่อพัฒนาร่วมกัน ซึ่งการลงชิงชัยครั้งแรกก็ประสบชัยชนะในทันที และยังต่อเนื่องมายังสมัยที่สองและสามอีกด้วย

                ต่อข้อถามว่า มีปัจจัยอะไรสำคัญที่ทำให้ผลการเลือกตั้งออกมาได้ชัยชระทั้ง 3 ครั้ง นายกพร บอกว่า ในการทำหน้าที่นายก อบจ. คือคิดอย่างไรให้คนทุกกลุ่มในพัทลุงอยู่กันอย่างมีความสุข โดยประการแรก ได้ทำเรื่องการศึกษา โดยเน้นโรงเรียนในสังกัด อบจ. ทุกคนต้องได้เรียนฟรี ให้มีความเสมอภาคกันในโอกาสที่ได้เข้ามาเรียน คือตั้งแต่อนุบาล ประถม จนถึงระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งตอนนี้ก็ทำได้แล้วที่โรงเรียนอุบลรัตนราชกัญญาราชวิทยาลัย พัทลุง สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง และกำลังดำเนินการอีกแห่งที่โรงเรียนมัธยมเกาะหมาก

                “อีกด้านที่ทำคือ งานด้านพื้นฐาน ซึ่งพัทลุงเป็นจังหวัดเล็กงบประมาณน้อย ผมก็พยายามของบประมาณจากส่วนกลาง กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่าจะเป็นถนน อาคาร ประปา”

สมัยที่ 3 จะเน้นไปในเรื่องสุขภาพของประชาชน ผมมองว่าจะทำอย่างไรให้คนมีสุขภาพที่ดี ซึ่งเรามี รพ.สต. โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล) ที่เวลานี้เรามีอยู่ 41 แห่ง อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงที่กระทรวงสาธารณสุขที่ทำดีอยู่แล้ว แต่บริหารแบบ SMLเล็ก กลาง ใหญ่ ผมเลยบอกว่าเมื่อถ่ายโอนมาแล้วนี้ อยากให้คนมาใช้บริการเหมือนกันทุกที เรามีทั้ง แพทย์แผนไทย แผนปัจจุบัน และทันตกรรม แล้วดูแล คน 3 วัย ใส่ใจสุขภาพ เริ่มตั้งแต่เยาวชน วัยทำงาน และผู้สูงอายุ

                ปรัชญาการทำงานและอุดมคติ นายกพร บอกว่า อุดมการณ์ของผมคือ “คิดด้วยกัน ทำด้วยกัน” เนื่องจากคิดด้วนกัน ผมเอาพี่น้องทุกเขตทั้งหมด ผมทราบปัญหาของพี่น้องในทุกพื้นที่และได้นำมากำหนดเป็นนโยบายในการนำมาบริหารอบจ.พัทลุง

                วันนี้ผมกำลังทำให้พัทลุงอีกเรื่องหนึ่ง คือพัทลุง ตามคำขวัญ “เมืองโนรา อู่นาข้าว พราวน้ำตก แหล่งนกน้ำ ทะเลสาบงาม เขาอกทะลุ น้ำพุร้อน” ทุกอย่างที่พัทลุงมีตามแหล่งธรรมชาติ ผมเลยต้องการส่งเสริมเรื่องวัฒนธรรม งานไห้วครูหนัง  คือเอาศิลปินหนังตะลุงมารวมตัวกันทั้งหมด และทักวันที่ 2 เมษายน ที่เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จัดงานแข่งขันมโนราทุกปี จุดประกายให้เป็นแหล่งท่องที่ยวทั้งทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ

                สำหรับการเข้าร่วมพรรครวมไทยสร้างชาติ นายกพร กล่าวว่า “ผมทำการเมืองท้องถิ่นด้วยความเป็นเพื่อนไม่มีการแตกแยกกัน และตอนนี้คงถึงเวลาที่จะมาสู่การเมืองระดับชาติ และเมื่อผมตัดสินใจแบบนี้ ทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร อบจ.ก็ดี ท่านสมาชิก อบจ.ก็ดี บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เราจะต้องมาช่วยพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ ทั้งเรื่องการศึกษาที่ผมทำมาโดยตลอด งานโครงสร้างพื้นฐาน รวมไปถึงคุณภาพชีวิตของคนไทย ซึ่งผมมั่นใจในท่านพีระพันธุ์ ที่จะนำไปสู่สิ่งนั้นได้”

                นอกจากนี้ ผมทำงานในฐานะของข้าราชการมาก่อน รู้ปัญหามาก่อน ที่ผ่านมาก็ทำทั้งเรื่องการศึกษาให้กับชาวพัทลุง และคนภาคใต้ของเรามาเพราะผมเชื่อว่าการศึกษาจะช่วยให้คุณภาพชีวิตของคนดีขึ้น เรื่องงานโครงสร้างพื้นฐาน เรื่องปากท้องรวมไปถึงเรื่องอื่นๆ ซึ่เชื่อว่าถ้าเราทำให้คนมีคุณภาพต่อไปในอนาคตเขาก็จะกลับมาช่วยพัฒนาบ้านเมืองให้ดีขึ้น และเราจะมุ่งทำงานอย่างเต็มที่

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 มิถุนายน 2568
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
17 มิ.ย. 2568
หากจะหันไปมองการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ อบจ. ที่ผ่านมาหมาดๆ เมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา ใน 47 จังหวัดทั่วประเทศ กล่าวได้ว่า กลุ่ม “บ้านใหญ่” กวาดไปได้เป็นส่วนใหญ่ตามคาด และก็มีจำนวนถึง 29 คน ที่คว้าชัยการเลือกตั้งต...