เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 หลักสูตรบัญชีบัณฑิต วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) นำโดย อาจารย์วสุกานต์ วิศาลสวัสดิ์ คณบดี ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ กับสมาคมสำนักงานบัญชีไทย (TAFA) และ สถานประกอบการชั้นนำ 42 บริษัท ณ ห้องประชุม ดร.ไสว สุทธิพิทักษ์ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้แบบบูรณาการระหว่างทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ฝึกงานจริง และเตรียมความพร้อมสู่การเป็นนักบัญชีมืออาชีพที่สามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล อาทิ AI, Cloud และ API ได้อย่างมีประสิทธิภาพในยุคปัจจุบันและอนาคต ภายในงานยังมีการจัดเวทีเสวนาหัวข้อ "การเปลี่ยนแปลงของวิชาชีพบัญชีในยุคดิจิทัล" (Accounting Transformation in the Digital Era) โดยเชิญผู้บริหารจากบริษัทซอฟต์แวร์บัญชีชั้นนำ นักบัญชีมืออาชีพ และผู้แทนจากสมาคมวิชาชีพร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองต่างๆ ไว้อย่างน่าสนใจ โดยมี อาจารย์ ดร.ณัฐพัชร์ นวลมณีฐิติ รองคณบดี และหัวหน้าหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาการเงินการลงทุนและเทคโนโลยีทางการเงิน และหลักสูตรบัญชีบัณฑิต รวมถึง อาจารย์ ดร.อรัญญา นาคหล่อ ผู้จัดการสถาบันพัฒนานักวิชาชีพบัญชี (IPAD) และอาจารย์ประจำหลักสูตรบัญชีบัณฑิต เข้าร่วมเป็นสักขีพยาน
อาจารย์วสุกานต์ วิศาลสวัสดิ์ คณบดีวิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ( www.dpu.ac.th/th/college-of-innovative-business-and-accountancy ) กล่าวเปิดโครงการว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการพัฒนา ‘ระบบนิเวศทางวิชาการ’ (Academic Ecosystem) เพื่อสร้างความเชื่อมโยงอย่างเข้มแข็งระหว่างสถานศึกษาและภาคธุรกิจ เพราะนักบัญชีในยุคดิจิทัลจำเป็นต้องเรียนรู้จากประสบการณ์จริง โดยเฉพาะการฝึกปฏิบัติงานกับซอฟต์แวร์บัญชีสมัยใหม่ เพื่อเข้าใจระบบการทำงานในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
“จากประสบการณ์ในฐานะอดีต CFO เข้าใจดีถึงความจำเป็นที่นักศึกษาในปัจจุบันจะต้องเรียนรู้เครื่องมือใหม่ ๆ โดยเฉพาะเทคโนโลยีดิจิทัลที่กำลังเข้ามา Disrupt วงการบัญชี หากนักศึกษาสามารถเรียนรู้และใช้งานได้อย่างเข้าใจ ก็จะสามารถใช้เทคโนโลยีเหล่านี้เป็นเครื่องมือสร้างคุณค่าในวิชาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ วันนี้จึงไม่ใช่แค่การลงนามความร่วมมือ แต่คือจุดเริ่มต้นของความร่วมมือระยะยาวระหว่างสถาบันการศึกษา สมาคมสำนักงานบัญชีไทย (TAFA) และภาคธุรกิจ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อตัวนักศึกษา และการพัฒนาวงการบัญชี” อาจารย์วสุกานต์ กล่าว
สำหรับเวทีเสวนาในหัวข้อ "การเปลี่ยนแปลงทางการบัญชีในยุคดิจิทัล" ครั้งนี้ มี ดร.ธนสาร วาสันธิ์ และ คุณจุฑามาศ บำรุงยุติ เป็นผู้ดำเนินรายการ และได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง 7 ท่าน ได้แก่ คุณอัญชลี มณีท่าโพธิ์ ประธานคณะทำงานโครงการส่งเสริมการประยุกต์ใช้ Cloud Accounting Software สำหรับ MSMEs สภาวิชาชีพบัญชีฯ และนายกสมาคมสำนักงานบัญชีไทย (TAFA), คุณราชิต ไชยรัตน์ CEO บริษัท Accounting Transformation จำกัด, คุณสุทัศน์ สกุลนิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท Express Software Group จำกัด, คุณกฤษฎา ชุตินธร CEO บริษัท FlowAccount จำกัด, คุณจันจิรา สุมนัส กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซ์ทู ซิสเท็ม จำกัด, คุณภีม เพชรเกตุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พี ยู ยู เอ็น อินเทลลิเจนท์ จำกัด และ คุณโสภา นาจันหอม CEO บริษัท พระราม 3 ออลซอฟต์แวร์ ซิสเต็ม จำกัด โดยผู้เชี่ยวชาญได้เน้นย้ำถึงปัจจัยสำคัญหลายประการที่กำลังส่งผลกระทบ และขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของวิชาชีพบัญชีในโลกปัจจุบัน
5 พลวัตเปลี่ยนโลก ที่นักบัญชีต้องเข้าใจ
เริ่มแรกคือ การปฏิรูปทางเทคโนโลยีดิจิทัล โลกได้เข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว ส่งผลให้เทคโนโลยีใหม่ๆ อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเฉพาะ “Agentic AI” ที่เข้ามาลดภาระงานซ้ำซากและเร่งการประมวลผล รวมถึงซอฟต์แวร์บัญชีบนคลาวด์ (Cloud Accounting Software), ระบบวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP), ระบบอัตโนมัติด้วยหุ่นยนต์ (RPA), และเทคโนโลยีรู้จำอักขระด้วยแสง (OCR) เข้ามามีบทบาทอย่างมากในการทำงานบัญชี ซึ่งทำให้การทำงานง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้คนและการทำธุรกิจ ก็ส่งผลให้วิธีการทำบัญชีต้องปรับเปลี่ยนตาม เช่น การไม่ใช้เงินสดและการทำธุรกรรมออนไลน์ ขณะเดียวกันก็มีการตั้งข้อสังเกตถึง แนวโน้มจำนวนนักศึกษาบัญชีที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดความจำเป็นที่นักบัญชีหนึ่งคนจะต้องรองรับธุรกิจได้มากขึ้น ผู้เชี่ยวชาญยังเน้นย้ำถึง ความสำคัญของความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) ในยุคที่ข้อมูลถูกจัดเก็บและประมวลผลบนระบบดิจิทัล ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่นักบัญชีต้องให้ความสนใจ เพื่อปกป้องข้อมูลที่สำคัญ
ประเด็นสุดท้ายในส่วนปัจจัยคือ ความต้องการของผู้ประกอบการ ที่มองนักบัญชีเป็นมากกว่าผู้บันทึกบัญชี แต่เป็น "เพื่อนคู่คิด" ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์ เพื่อช่วยลดต้นทุนและดำเนินธุรกิจให้ผ่านพ้นวิกฤตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไม่ดี ผู้ประกอบการมักหันมาให้ความสนใจกับการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายมากขึ้น และนักบัญชีที่มีข้อมูลพร้อมจะสามารถตอบสนองความต้องการนี้ได้เป็นอย่างดี
ยกระดับกรอบคิด และพัฒนาเครื่องมือทำงาน
เพื่อให้วิชาชีพนักบัญชีสามารถเติบโตและตอบสนองความต้องการในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้ร่วมเสวนาได้เสนอแนะถึงสิ่งสำคัญในการยกระดับนักบัญชีคือ การปรับเปลี่ยนกรอบความคิด (Mindset) นักบัญชีต้องพร้อมที่จะปรับตัวและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา โดยไม่หยุดนิ่งอยู่กับวิธีการทำงานแบบเดิมๆ สิ่งสำคัญคือการเปลี่ยนบทบาทจากการเป็นเพียงผู้บันทึกบัญชี (Bookkeeper) ไปสู่การเป็นนักวิเคราะห์ (Analyst) และที่ปรึกษา (Consultant) ที่สามารถนำข้อมูลไปใช้ให้เกิดประโยชน์เชิงกลยุทธ์ และสื่อสารกับผู้ประกอบการได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งต้องเข้าใจธุรกิจของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง ไม่ใช่เพียงแค่ตัวเลขทางบัญชี
นอกจากนี้ การพัฒนาชุดเครื่องมือ (Toolset) และความเชี่ยวชาญก็เป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งรวมถึงความเชี่ยวชาญในการใช้โปรแกรมบัญชีและเครื่องมือสมัยใหม่ที่หลากหลาย การประยุกต์ใช้ AI โดยมองว่าเป็นผู้ช่วยที่สามารถทำให้กระบวนการต่างๆ เป็นอัตโนมัติ ลดงานซ้ำซ้อน และเพิ่มความรวดเร็วในการวิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysis) การสื่อสารและการนำเสนอ ความสามารถในการเชื่อมต่อระบบ (API Integration) และความเข้าใจใน Excel ก็ยังคงมีความสำคัญ
ไม่หยุดเรียนรู้ กุญแจไขความสำเร็จอนาคต
ในช่วงท้ายของการเสวนา ผู้เชี่ยวชาญทุกท่านได้ย้ำถึงบทสรุปสำคัญว่า การเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลบังคับให้นักบัญชีต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง การเรียนรู้เพียงอย่างเดียวจึงไม่เพียงพอ แต่ต้องนำความรู้มาปฏิบัติจริงเพื่อสร้างทักษะและความคุ้นเคย ลูกค้าในปัจจุบันต้องการที่ปรึกษาที่พร้อมแก้ปัญหาและมีความเชี่ยวชาญในการใช้งานเครื่องมือดิจิทัลหลากหลายชนิดได้อย่างทันท่วงที
ทั้งนี้ผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่านยังได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “นักบัญชีจะไม่ตกงาน” หากรู้จักปรับตัวและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะทักษะดิจิทัล และความเข้าใจในบริบทของลูกค้าและธุรกิจ เพราะ AI จะเข้ามาช่วย "เพิ่มมูลค่า" ให้กับอาชีพ ไม่ใช่เข้ามาแทนที่อาชีพของคุณ การเปลี่ยนแปลงนี้จะนำไปสู่การทำงานที่ยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับวิชาชีพบัญชีไทยในอนาคต