ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
เศรษฐกิจชุมชน ย้อนกลับ
ส.อ.ท. จี้รัฐกวาดล้างเหล็กตก มอก. ยกระดับความปลอดภัยคนไทยอย่างยั่งยืน
05 ก.ค. 2568

นายบัณฑูรย์ จุ้ยเจริญ กรรมการ สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย และประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ตั้งแต่นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมจนได้รับเสียงสนับสนุนชื่นชมเป็นอย่างมาก คือ การจัดการกับสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน เช่น สายไฟ อุปกรณ์ไฟฟ้า และ เหล็กเส้นก่อสร้าง อย่างเด็ดขาด

จะเห็นได้ว่า ภายหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวและตึก สตง. ถล่มในเดือนมีนาคม 2568 มีการเก็บตัวอย่างเหล็กเส้นจากซากตึกจำนวนหนึ่งไปทดสอบ แล้วมีรายงานว่า ผลการทดสอบส่วนใหญ่ประมาณ 90% ผ่าน มอก. อีกประมาณ 10%ไม่ผ่าน ก็ยิ่งทำให้เกิดข้อสงสัยและข้อห่วงกังวลเพิ่มขึ้นอีก ในประเด็นเรื่องเหล็กเส้นไม่ได้มาตรฐานว่าได้กระจายไปอยู่ที่ใดมากน้อยเท่าใด

การเปิดเผยผลการสอบสวนตึก สตง. ถือว่าเป็นโอกาสที่ดี ที่อาจจะช่วยให้เกิดความเข้าใจเกี่ยวกับสภาพการณ์ปัจจุบันของคุณภาพเหล็กเส้น

ทั้งนี้ กลุ่มฯเหล็กได้ประมวลความเห็นทางวิชาการและความเห็นของผู้รู้โดยมุ่งไปที่ 2 เรื่อง คือ

1. คุณภาพเหล็กเส้นที่ผลิตและจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน เป็นไปตาม มอก. อย่างมั่นใจได้หรือไม่

2. จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นแล้วมีตึกถล่ม เหล็กมีปัญหาหรือไม่

นายบัณฑูรย์ กล่าวว่า ตอบคำถามคุณภาพของเหล็กเส้นที่ผลิตและจำหน่ายในปัจจุบัน เป็นไปตาม มอก. อย่างมั่นใจได้หรือไม่ว่า ยังมั่นใจไม่ได้ทั้งหมด เนื่องจากการที่ทีมสุดซอย ของกระทรวงอุตสาหกรรม ตรวจพบเหล็กเส้นที่ตก มอก. อยู่เป็นระยะๆ ซึ่งประเด็นนี้ สาเหตุหลักคือข้อจำกัดของกระบวนการผลิตด้วยเตา IF ที่ต้องใช้ความพิถีพิถันอย่างมากในการคัดเลือกวัตถุดิบเศษเหล็กที่มีส่วนประกอบทางเคมีที่เหมาะสม มีความสะอาดไม่มีสารมลทินและสิ่งเจือปนที่มากเกินไป

เนื่องจากกระบวนการ IF มีข้อจำกัดในการกำจัดสารมลทิน เช่น ฟอสฟอรัส กำมะถัน ตลอดจนธาตุที่ต้องควบคุมปริมาณให้ได้ตาม มอก. เช่น ธาตุโบรอน อีกทั้ง กระบวนการในการทำให้เหล็กเส้นมีความแข็งแรงตามมาตรฐาน ที่ใช้กันอยู่มี 2 วิธีหลักๆ วิธีแรกคือการทำให้เหล็กที่รีดออกมา เย็นตัวอย่างรวดเร็ว เรียกว่า เหล็ก T-Tempcore กับ วิธีที่สองคือการเติมธาตุผสมหรืออัลลอยเล็กน้อย (low alloy/micro-alloy) หรือเรียกว่า เหล็ก Non-T ซึ่งการผลิตเหล็ก T-Tempcore ต้องมีการบำรุงรักษาเครื่องจักรและกระบวนการผลิตให้สามารถควบคุมส่วนประกอบทางเคมี การควบคุมการรีดและอัตราการเย็นตัวของเหล็กเส้นที่แม่นยำ มิฉะนั้นจะไม่สามารถผลิตเหล็กเส้นที่มีคุณสมบัติตาม มอก. ได้อย่างสม่ำเสมอ 

ในเรื่องนี้ จึงต้องสนับสนุนความพยายามของกระทรวงอุตสาหกรรมต่อไปในการกำจัดเหล็กเส้นที่ไม่ได้มาตรฐาน เพื่อให้มั่นใจได้ 100% ว่าเหล็กเส้นที่ขายในท้องตลาด มีคุณภาพเป็นไปตาม มอก. เพื่อปกป้องผู้บริโภคให้ได้ใช้สินค้าที่ได้มาตรฐานเพื่อความปลอดภัย

สำหรับเรื่องที่ 2 จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นแล้วมีตึกถล่ม คำถามคือ เหล็กมีปัญหาหรือไม่

ทั้งนี้ หลังจากการเปิดเผยผลสอบตึก สตง. ถล่ม มีข้อความแถลงส่วนหนึ่งที่ว่า ‘ในเรื่องของวัสดุต่างๆ ทั้ง เหล็กและคอนกรีตเป็นวัสดุปกติที่ได้มาตรฐานของทั่วไป แต่การนำมาใช้ในโครงการนี้ พบปัญหาในส่วนของคอนกรีตที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งเป็นปัญหาเฉพาะของโครงการนี้เท่านั้น’ 

ซึ่งคำแถลงในส่วนนี้ ยังคลุมเครือ เช่น ทราบได้อย่างไรว่าเหล็กเส้นปริมาณมากมายที่ใช้งานทั้งหมดมีคุณสมบัติได้มาตรฐาน หรือ ทราบได้อย่างไรว่าเป็นปัญหาเฉพาะของโครงการนี้เท่านั้น

อีกทั้งผลการทดสอบเหล็กจำนวนหนึ่งที่เก็บตัวอย่างจากซากตึก สตง ที่มีรายงานว่า ‘ผลการทดสอบส่วนใหญ่ประมาณ 90% ผ่านมาตรฐาน’ แล้วได้มีการพิจารณาถึงผลกระทบที่เกิดจากเหล็กส่วนที่ไม่ผ่านมาตรฐานหรือไม่อย่างไร ก็คงยังเป็นความคลุมเครือ เช่น หากมีสมมุติฐานว่า เหล็กไม่มีปัญหา เพราะเหล็ก ‘ส่วนใหญ่’ ทดสอบแล้วผ่าน มอก. ประกอบกับการออกแบบมีการเผื่อค่าความปลอดภัย หรือ safety factor ไว้ แล้วลงความเห็นว่า เหล็กไม่มีปัญหา ประเด็นที่คลุมเครือคือ เกณฑ์การยอมรับได้ของคำว่า ‘ส่วนใหญ่’ คืออะไร

ประการสำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ มอก. เหล็กเส้นในปัจจุบันในส่วนของคุณสมบัติทางกล 

โดยหลักคือการกำหนดเพียงค่าขั้นต่ำ ของความต้านแรงดึง ความต้านแรงดึงที่จุดคราก และ ค่าความยืด ซึ่งการกำหนดค่าขั้นต่ำแบบนี้ อาจจะไม่เพียงพอต่อการออกแบบใช้งานกรณีแผ่นดินไหว เนื่องจาก ยังมีคุณสมบัติอื่นๆที่ต้องพิจารณา เช่น ถ้าความต้านแรงดึงที่จุดคราก ผ่านมาตรฐานก็จริง แต่มีค่าสูงมากเกินไปจนเข้าใกล้ค่าความต้านแรงดึง (ตอนเหล็กขาดออกจากกัน) อาจจะทำให้เหล็กขาดคุณสมบัติการยืดตัวที่เหมาะสมในสถานการณ์ที่เกิดแผ่นดินไหว

อย่างไรก็ดี หากมีการเปิดเผยรายละเอียดของการทดสอบเหล็กและวัสดุในรายงานผลสอบสวน ก็อาจจะช่วยสร้างความเข้าใจที่ชัดเจนมากขึ้นได้ และถือเป็นโอกาสที่สำคัญ เนื่องจากขณะนี้ มอก.เหล็กเส้น อยู่ในระหว่างการทบทวนเพื่อปรับปรุงมาตรฐานโดย สมอ. จึงควรพิจารณาปรับปรุงยกระดับ มอก.เหล็กเส้น ให้มีการกำหนดคุณสมบัติของเหล็กเส้น 

รวมถึงข้อแนะนำในการใช้งานในเงื่อนไขที่สำคัญๆ เช่น ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงแผ่นดินไหว โดยการศึกษาและอ้างอิงจากมาตรฐานของประเทศที่มีการกำหนดคุณสมบัติของเหล็กเพื่อใช้งานในเงื่อนไขต่างๆ เช่น มาตรฐานเหล็กเส้น ของอเมริกา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จีน เป็นต้น ตัวอย่างเช่นประเทศจีนกำหนดว่าเหล็กเส้น ต้องผลิตจากเตาชนิด converter หรือจากเตา EAF เท่านั้น หรือบางประเทศกำหนดมาตรฐานเหล็ก low alloy steel ที่ยืดตัวได้สูง เหมาะกับการใช้งานบริเวณที่มีแผ่นดินไหวบ่อย

นายบัณฑูรย์ กล่าวว่า โดยสรุปแล้ว สิ่งที่ควรต้องจัดการให้เกิดขึ้นในขณะนี้คือ ต้องทำให้เหล็กเส้นทุกเส้นที่นำไปใช้งาน ได้มาตรฐานตาม มอก.อย่างมั่นใจได้ 100% และเดินหน้าปรับปรุง มอก. เหล็กเส้นให้ประกอบด้วย ชั้นคุณภาพ ตลอดจนคุณสมบัติต่างๆ ด้วยองค์ความรู้ ที่จะทำให้สามารถนำไปใช้งานได้อย่างเหมาะสมในแต่ละเงื่อนไขของการใช้งาน

"ต้องรอดูรายงานผลการสอบสวนว่าจะออกมาให้ความกระจ่างได้หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้อมูลและข้อเท็จจริงจากการสอบสวนที่นำมาสนับสนุนข้อสรุปที่ว่า ‘วัสดุต่างๆ ทั้ง เหล็กและคอนกรีตเป็นวัสดุปกติที่ได้มาตรฐาน’ และ เหล็กเส้นที่ตึก สตง. ไม่มีปัญหาจริงหรือไม่"

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 1 - 15 กรกฎาคม 2568
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
02 ก.ค. 2568
ในปีนี้ถือเป็นมีมงคลอีก 1 ปี โดยเฉพาะการเปิดความสัมพันธ์ไทย-จีน ที่เวียนมาครบรอบ 50 ปี ซึ่งแน่นนอ จีนถือเป็นมหาอำนาจหนึ่งของโลกที่ปัจจุบันมีความเจริญรุดหน้าไปอย่างรอบด้าน นั่นเพราะหนึ่ง จีน มีประชากร 1.4 พันล้านคน ที่เป็นตลาดใหญ่ของโลก ที่สำคัญความเจริญรุดหน้า...