ดร. ศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.)ว่า ที่ประชุมฯ ได้มีการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20สืบเนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกได้ขยับตัวเพิ่มขึ้นมากอย่างรวดเร็วจากระดับ 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ช่วงต้นปี 2561 มาเป็นประมาณ 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในปัจจุบัน ซึ่งส่งผลโดยตรง ต่อต้นทุนราคาเชื้อเพลิงในประเทศเพิ่มขึ้นกว่า 3 บาท/ลิตร ทำให้ราคาขายปลีกดีเซลเพิ่มจากประมาณ 26 บาท/ลิตร เป็น 29บาท/ลิตรในปัจจุบัน เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับค่าโดยสารและค่าบริการขนส่งสินค้า กระทรวงพลังงานจึงได้เตรียมป้องกันไม่ให้การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันตลาดโลกที่อาจแตะระดับ 90 – 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล อันเนื่องมาจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ หรือการจำกัดการผลิตและส่งออกน้ำมันของผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ทั้งกลุ่มโอเปก และนอกโอเปก มากระทบค่าครองชีพของประชาชน จึงได้พัฒนาน้ำมันดีเซลเกรดพิเศษขึ้น คือ ดีเซล B20 ซึ่งมีสัดส่วนผสมไบโอดีเซลมากกว่าเกรดปกติ (B7) ที่จำหน่ายในปัจจุบัน เพื่อใช้สำหรับรถบรรทุกสินค้าและรถโดยสารสาธารณะที่ได้มีการปรับสภาพเครื่องยนต์ไว้แล้วสำหรับเป้าหมายหลักในการสนับสนุนน้ำมันดีเซลเกรดพิเศษ มี 2 ประการควบคู่กันคือ เพื่อช่วยดูดซับปริมาณน้ำมันปาล์มส่วนเกิน สร้างเสถียรภาพราคาปาล์มน้ำมันอยู่ระดับไม่ต่ำกว่า 3.50 บาท/กก. และลดภาระค่าใช้จ่ายของกิจการรถบรรทุกและรถโดยสารสาธารณะ ด้วยการกำหนดให้ราคาขายปลีก B20 ถูกกว่าดีเซลเกรดปกติ 3 บาท/ลิตร โดยใช้กลไกด้านภาษีสรรพสามิต และกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นเครื่องมือ ซึ่ง ครม. ได้มีมติ เมื่อ 19 มิ.ย. 61 อนุมัติลดอัตราจัดเก็บภาษีสรรพสามิต B20 ลง 70 สต./ลิตร (จาก 5.85 เป็น 5.152 บาท/ลิตร) ตามข้อเสนอของ กบง. ผลที่เกิดขึ้นจะทำให้สามารถรักษาระดับราคาขายปลีกดีเซล B20 ไม่เกิน 30 บาท/ลิตร แม้ว่าราคาน้ำมันตลาดโลกจะขยับเพิ่มแตะระดับ 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ก็ตาม ทำให้ไม่จำเป็นต้องขึ้นราคาค่าโดยสารและค่าบริการขนส่งสินค้า สำหรับน้ำมันดีเซลเกรดพิเศษ B20 จะเริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค.นี้เป็นต้นไป โดยเบื้องต้นผู้ค้าน้ำมันฯ 7 ราย ตั้งสถานีบริการเป็นการเฉพาะให้แก่ผู้ประกอบการรถขนส่งสินค้า 24 รายทั่วประเทศ รวมทั้ง จะเริ่มทดลองใช้กับเรือด่วนเจ้าพระยาในวันเดียวกันด้วย