เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2561 เวลา 13.00 น. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนางานวิจัยด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของชุมชนท้องถิ่นอย่างยั่งยืน และขับเคลื่อนไปสู่การใช้ประโยชน์ ระหว่างกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ณ โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส กรุงเทพมหานคร
นายสุทธิพงษ์กล่าวว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) มาร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนางานวิจัยด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของชุมชนท้องถิ่นอย่างยั่งยืน และขับเคลื่อนไปสู่การใช้ประโยชน์ในวันนี้ โดย กรมฯ จะใช้ศักยภาพตามภารกิจและอำนาจหน้าที่ของทั้งสององค์กรหนุนเสริมกัน เพื่อให้งานวิจัยด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในระดับท้องถิ่น เสริมสร้างประสิทธิภาพการบริหารจัดการการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนให้ดียิ่งขึ้น ตามแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนและปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ซึ่งกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ถือได้ว่าเป็นส่วนราชการใหม่ ที่มีการบริหารงานในรูปแบบหนึ่งกรม สองระบบ นั่นคือ ในฐานะหน่วยงานที่ต้องบริหารงานให้ตอบสนองยุทธศาสตร์ตามแผนงานบริหารราชการแผ่นดินเช่นเดียวกับส่วนราชการอื่น ๆ และในฐานหน่วยงานสนับสนุนตามภารกิจหลัก คือ การส่งเสริมสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 7,852 แห่ง ซึ่งมีสถานะเป็นนิติบุคคล มีความเป็นอิสระในการบริหารงาน มีความเข้มแข็ง สามารถจัดบริการสาธารณะได้อย่างมีประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการของประชาชนในพื้นที่ได้อย่างแท้จริง โดยหนึ่งในนั้น คือการจัดระบบการบริการสาธารณะที่เกี่ยวข้องกับการจัดการ การบำรุงรักษา การใช้ประโยชน์จากป่าไม้ ที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
นายสุทธิพงษ์กล่าวต่อว่า ยังมีงานวิจัยอีกจำนวนมากภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ที่มีองค์ความรู้ที่ทรงคุณค่าต่อการพัฒนาท้องถิ่น แต่อาจยังไม่มีโอกาสในการนำมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มศักยภาพ ซึ่ง กรมฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า บันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้ จะเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนและผลักดันการใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้ของงานวิจัยดังกล่าวให้แพร่หลายมากขึ้น โดยคำนึงถึงความแตกต่างเชิงบริบทของแต่ละพื้นที่ และก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ที่เป็นภาควิชาการ และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ที่เป็นภาคราชการ ให้ความร่วมมือนี้ ส่งผลในเชิงบวกต่อทุกฝ่ายอย่างเป็นรูปธรรม ก็ต้องขอขอบคุณสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ที่ทำให้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้เกิดขึ้น เพื่อร่วมกันเดินหน้าการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมของชุมชนท้องถิ่นให้ยั่งยืนต่อไป