นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงกรณีที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาประชากรนกปรอดหัวโขน หรือนกกรงหัวจุก เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามการล่าในธรรมชาติ รวมทั้งมาตรการป้องกันนกกรงหัวจุก ในกรงเลี้ยงหลุดเข้าสู่ธรรมชาติ ก่อนจะนำไปพิจารณาเสนอปลดนกกรงหัวจุกออกจากบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครองโดยระบุว่า ขณะนี้คณะทำงานฯ กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาผลกระทบต่างๆ คาดว่าจะใช้ระยะเวลาภายใน 3 เดือน ซึ่งจุดประสงค์ที่ต้องการปลดล็อกให้นกกรงหัวจุกออกจากบัญชีสัตว์คุ้มครอง เพราะมองว่าการส่งเสริมและการอนุรักษ์สามารถทำควบคู่กันได้ เชื่อว่าจะเป็นการเกื้อหนุนกันไปในตัว เพราะตอนนี้คาดว่ามีประชาชนที่นิยมเลี้ยงนกกรงหัวจุกหลักล้านคนทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการช่วยกันอนุรักษ์พันธุ์นกชนิดนี้ไม่ให้สูญพันธุ์ รวมถึงส่งเสริมด้านเศรษฐกิจได้ด้วย ส่วนประเด็นที่นักวิชาการเป็นห่วงว่าการปลดล็อกอาจจะส่งผลให้มีคนเข้าไปล่านกกรงหัวจุกในธรรมชาติออกมา รมว.ทรัพยากรฯ กล่าวว่า ส่วนนี้เราเองก็กังวล แต่มั่นใจว่าสามารถเช็กสายพันธุ์ได้ว่าชนิดพันธุ์ไหนอยู่ตามธรรมชาติ แต่หากเราไม่เปิดโอกาสด้วยการปลดล็อกให้สามารถเพาะขยายพันธุ์ได้ หรือทำความเข้าใจกับผู้นิยมเลี้ยงนก อาจจะยังมีผู้ลักลอบไปจับนกจากป่าทั้งหมด ซึ่งมีความร้ายแรงกว่าหรือไม่
นายเฉลิมชัย กล่าวต่อว่า อีกทั้งการปลดล็อกจะส่งผลให้การอนุรักษ์สามารถทำได้ดีกว่าเดิม เพราะหากผู้นิยมเลี้ยงนกทำผิดกติกา ก็จะนำนกกรงหัวจุกกลับเข้าสู่บัญชีสัตว์ป่าคุ้มครองเหมือนเดิม“เรื่องข้อกังวลว่ามีการจับนกออกมาจากธรรมชาตินั้น ผมคิดว่าสายพันธุ์สามารถตรวจเช็กได้ ตรงนี้เราก็กังวลและห่วงเหมือนกัน แต่ผมถามสักนิดหนึ่งว่า วันนี้ถ้าเราไม่เปิดโอกาสให้เขาเลย แล้วเขาไปจับนกป่าออกมาทั้งหมด มันไม่ร้ายแรงกว่าหรือเพราะเขาไม่ได้บอกเรา ก็เอาเขามาคุยและขอความร่วมมือ แล้วดูแลอำนวยความสะดวกให้เขา ผมคิดว่ามันจะทำให้ทุกอย่างง่ายกว่าและทำให้การอนุรักษ์ดีขึ้นกว่าเดิมด้วย” นายเฉลิมชัย กล่าว
ด้านนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า แนวทางการทำงานที่คณะทำงานเพื่อศึกษาประชากรนกปรอดหัวโขน หรือนกกรงหัวจุก จะดำเนินการประกอบด้วย การสำรวจประชากรนกกรงหัวจุกที่มีอยู่จริงในธรรมชาติ ทำมาตรการป้องกันการเข้าไปล่านกในธรรมชาติ การควบคุมนกเลี้ยงไม่ให้กลับเข้าสู่ธรรมชาติ ส่วนคณะทำงานจะประกอบด้วยนักวิชาการ ที่จะรวบรวมข้อมูลในการปลดล็อกนกกรงหัวจุก เพื่อนำไปเสนอต่อคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ก่อนจะให้ ครม.พิจารณา ซึ่งขณะนี้ผู้ประกอบการที่มีการแสดงเจตจำนงมา มีมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่าพันล้านบาท หากเราสามารถดำเนินการควบคุมได้ตามมาตรการที่เรากำหนดไว้ได้ ที่ผ่านมาจะสามารถควบคุมได้มากพอสมควร ทำให้นกที่อยู่ในธรรมชาติจะไม่สามารถเข้ามาสู่วัฏจักรของนกเลี้ยงได้จริง ถ้าหากเรานำข้อจำกัดเดิมมาจำกัดในการเลี้ยงนกกรงหัวจุก จะทำให้เราเสียโอกาสในหลายด้านทั้งการอนุรักษ์และส่งเสริมด้านเศรษฐกิจ