นายณรินทร์ ชำนาญดู นายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (ส.บ.ม.ท.) เปิดเผยว่า ตามที่นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เตรียมรูปแบบการจัดซื้อจัดจ้างอุปกรณ์ทางการศึกษา ตามโครงการเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา หรือ Anywhere Anytime จากเดิมที่ดำเนินการโดยส่วนกลาง มาเป็นมอบหมายให้ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) เป็นผู้จัดซื้อจัดจ้างเช่าซื้ออุปกรณ์นั้น ส่วนตัวเห็นด้วย และถือว่ามีความเหมาะสม มากกว่าจัดซื้อจากส่วนกลาง ซึ่งอาจไม่ตรงตามความต้องการที่แท้จริงของผู้ใช้ เพราะแต่ละพื้นที่มีบริบทที่แตกต่างกัน ส่วนข้อกังวลเรื่องปัญหาธุรการ ที่อาจไม่มีผู้เชี่ยวชาญในการตรวจรับ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ต้องรับโทษทางกฎหมายเช่นที่ผ่านมานั้น ส่วนตัวมั่นใจว่า เขตพื้นที่ฯ มีเจ้าหน้าที่ที่เชี่ยวชาญในนี้ เพราะถือเป็นหน่วยงานใหญ่ดังนั้น จึงต้องมีความละเอียดรอบคอบ
“ส่วนตัวเห็นด้วย ที่กระจายอำนาจให้ เขตพื้นที่ฯ จัดซื้ออุปกรณ์เสริมการเรียนการสอนเอง เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ แต่ถ้าจะให้ดี ควรกระจายงบไปให้โรงเรียนดำเนินการเอง แต่ก็เข้าใจเรื่องข้อจำกัดของโรงเรียน ในส่วนของผู้เชี่ยวชาญในการตรวจรับ โดยเฉพาะโรงเรียนขนาดเล็ก ที่อาจมีปัญหาเรื่องการกำหนดสเป็ก ดังนั้นวิธีการหากต้องการกระจายให้โรงเรียนดำเนินการเอง ก็อาจทำเป็นกลุ่มโรงเรียน เพื่อให้สะดวกต่อการบริหารจัดการ แบบนี้ก็เป็นอีกแนวคิดหนึ่งที่สามารถดำเนินการได้เช่นเดียวกัน “นายณรินทร์ กล่าว
นายกส.บ.ม.ท. กล่าวต่อว่า การกระจายอำนาจให้เขตพื้นที่ฯ หรือโรงเรียน เป็นผู้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างเอง นอกจากสอดคล้องกับความต้องการของนักเรียน และครูผู้ใช้โดยตรงแล้ว ยังป้องกันเรื่องการล็อกสเป็คหรือปัญหาการทุจริต ที่เคยมีเช่นในอดีตที่ผ่านมา ส่วนข้อกังวลเรื่องการกินหัวคิว หรือการทุจริตในการจัดซื้อจากเขตพื้นที่ฯนั้น ไม่อยากให้ไปมองเรื่องการทุจริตอย่างเดียว และอยากให้ไว้ใจการทำงานของเขตพื้นที่ฯด้วย อีกทั้ง ระบบ อี-บิดดิ้ง หรือ การประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ ก็จะช่วยคัดกรองป้องกันได้ส่วนหนึ่ง ขณะที่ปัจจุบันมีระบบตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้น ดังนั้นส่วนตัวเชื่อว่า ทางเขตพื้นที่ฯ จะดำเนินการด้วยความระมัดระวังไม่ให้เกิดปัญหา เพื่อให้เกิดประโยชน์กับเด็ก และทางโรงเรียนก็จะได้อุปกรณ์ไปแจกเด็กได้เร็วขึ้น