วันนี้ (28 มิถุนายน 2561) ที่ โรงแรมเคพี แกรนด์ โดย นางสาววันทนา แจ้งประจักษ์ ผู้อำนวยการกองพัฒนาบริการท่องเที่ยว กรมการท่องเที่ยว เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนา “การรณรงค์ห้องน้ำสาธารณะสะอาดเพื่อการท่องเที่ยว” โดยกล่าวว่า เนื่องจากประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวทั้งที่เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและนักท่องเที่ยวชาวไทยเป็นจำนวนมาก ในปี 2560 มีจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทย จำนวน 32.75 ล้านคน มีรายได้ 1.69 ล้านล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ประเทศเราต้องมีการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามา เช่น การขนส่ง การบริการการท่องเที่ยว การพัฒนาและปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยว เป็นต้น ส่วนหนึ่งของการอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวและมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง คือ เรื่องห้องน้ำสาธารณะในแหล่งท่องเที่ยวทั้งที่เป็นของภาครัฐและสถานประกอบการของเอกชน เช่น สถานีขนส่งผู้โดยสาร ปั๊มน้ำมัน ที่พัก ร้านอาหาร จะต้องมีการบริหารจัดการเพื่อให้มีความสะอาด ปลอดภัย ถูกสุขอนามัย
กรมการท่องเที่ยวได้ดำเนินการรณรงค์ห้องน้ำสาธารณะสะอาดในแหล่งท่องเที่ยวมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับในปี 2561 นั้น ยังคงเดินหน้าเพื่อพัฒนาห้องน้ำสาธารณะในแหล่งท่องเที่ยว โดยมุ่งสร้างความรู้ความเข้าใจในกลุ่มของผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวทั้ง 4 ภาค ทั้งนี้ได้เปิดการสัมมนาในครั้งแรกที่ จังหวัดจันทบุรี ซึ่งมีผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวสนใจและเข้าร่วมในกิจกรรม ประกอบไปด้วยตัวแทนจากสถานีบริการน้ำมัน สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร ร้านของฝาก ห้างสรรพสินค้า สถานที่ราชการที่เปิดบริการประชาชน รวมถึงสถานประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการทำสะอาด ซึ่งผู้เข้าร่วมสัมมนาจะได้ทราบถึงความสำคัญของการพัฒนาห้องน้ำสาธารณะในแหล่งท่องเที่ยวทำอย่างไรจึงจะผ่านเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อให้ได้รับตราสัญลักษณ์ WC OK ตลอดจนได้รับความรู้จากวิทยากรที่เชี่ยวชาญด้านการดูแลรักษาความสะอาดของห้องน้ำ รวมถึงการสร้างปรากฏการณ์ในการจัดห้องน้ำอย่างไรให้ถูกหลักฮวงจุ้ยอีกด้วย
กรมการท่องเที่ยว จึงขอเชิญชวนผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวอีก 3 แห่ง คือ จังหวัดลำปาง จังหวัดอุดรธานี และจังหวัดสมุทรสงคราม เข้าร่วมสัมมนาเพื่อ สร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลห้องน้ำสาธารณะในแหล่งท่องเที่ยวให้สะอาด ปลอดภัย ถูกสุขอนามัย ได้มาตรฐาน พร้อมให้บริการแก่ผู้ใช้บริการ และสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ และยังเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์และยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวของไทยอย่างยั่งยืนต่อไป