14 สิงหาคม 2568
ศ.สุชาติ! เจรจาภาษีทรัมป์นับว่าทำได้ดี แต่หากรัฐบาลไม่ปรับค่าเงินบาทที่แข็งเกินไป ศก.ไทยก็จะฟื้นยาก ไม่มีเงินมาเพิ่มเทคโนโลยีและสินค้าใหม่ๆ ปท.จะเติบโตช้า ปช.จะยากจน
1. ศาสตราจารย์ ดร. สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่าการเจรจาภาษี Trump กับสหรัฐ เราถูกเก็บภาษีนำเข้า 19% นับว่าค่อนข้างดี เราไม่เสียเปรียบประเทศเพื่อนบ้าน แต่เรายังต้องกลับมาฟื้นเศรษฐกิจและฟื้นรายได้ประชาชนด้วย หากเราไม่ปรับค่าเงินบาทที่แข็งไปมากเกินไป ซึ่งเกิดจากการกระทำของหน่วยงานเราเอง ที่ไม่เข้าใจกลไกเศรษฐกิจมหภาค เศรษฐกิจไทยก็จะฟื้นยากครับ
2. รัฐบาลต้องปรับค่าเงินบาทที่แข็งเกินไปมากๆ แข็งกว่า เงินรูปีอินเดีย 2.58 เท่า แข็งกว่าเงินด่องเวียดนาม1.6 เท่า และแข็งกว่าเกือบทุกประเทศในโลก ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา หากไม่ปรับค่าเงินบาทให้อ่อนลงมาให้แข่งขันได้ รายได้ส่งออกและท่องเที่ยวก็จะน้อย ทำให้ผลผลิตและรายได้ประเทศ (GDP) น้อย เศรษฐกิจจะเติบโตต่ำ ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศจะยากจน หนี้ประชาชนและหนี้รัฐบาลจะเพิ่มขึ้นมากขึ้นไปอีก
3. การปรับค่าเงินบาทลงมาให้เหมาะสม คงต้องฟื้นกฎหมายกองทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยน และกำหนดนโยบายเป้าหมายอัตราแลกเปลี่ยน (Exchange rate targeting) ซึ่ง จีนญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม ก็ใช้อยู่
4. ผลกระทบของการกำหนดนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน ต่อความเจริญเติบโตของ GDP นั้น มีขนาดใหญ่มากกว่า นโยบายการเงินและการคลังอย่างมาก
5. รัฐบาลไม่ต้องกู้เงินด้วย แค่กำหนดสูตรให้ค่าเงินบาทอ่อนลงให้เหมาะสม โดยจะไม่ถูกโจมตีค่าเงินบาท เพราะเราทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงมา การโจมตีค่าเงินบาทเหมือนปี 2540 นั้น จะโจมตีได้ก็ต่อเมื่อค่าเงินบาทแข็งมากเกินไป
6.ประเทศเล็กๆ ที่มีระบบเศรษฐกิจ ที่เปิดมากอย่างประเทศไทย เราไม่ควรพยายามคุมเงินเฟ้อของเราให้ต่ำกว่าเงินเฟ้อโลก (ซึ่งประมาณ 3-4%) เพราะจะทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นไปเรื่อยๆ จนการส่งออกและท่องเที่ยวลดน้อยลง ซึ่งมาลดการผลิตลดการจ้างงาน แล้วเศรษฐกิจก็ไม่เจริญเติบโต ประชาชนยากจนลง
7. เราควรกำหนดเป้าอัตราแลกเปลี่ยนให้แข่งขันได้จะดีกว่ามาก ซึ่งประเทศญี่ปุ่น (คศ.1960) เกาหลี (1970) และจีน (1990) ล้วนเจริญเติบโตมาก จนเป็นประเทศพัฒนาแล้วมีเทคโนโลยีสูง ก็ด้วยการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนให้แข่งขันได้ดีมาก่อนทั้งนั้น ครับ ดร.สุชาติ กล่าว
หมายเหตุ:
1.จากสูตร e=P/Pw, e คือดัชนีค่าเงินบาท, P คือดัชนีราคาสินค้าของเรา และ Pw คือดัชนีราคาสินค้าของโลก: หากเงินเฟ้อเราต่ำกว่าเงินเฟ้อโลก เงินบาทก็จะแข็งค่าขึ้น
2.เงินเฟ้อเราต่ำกว่าเงินเฟ้อโลกได้ เพราะเราเพิ่มปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจเรา น้อยกว่าปริมาณเงินที่เพิ่มในระบบเศรษฐกิจโลก (ในที่นี้ เศรษฐกิจโลก นับเฉพาะประเทศที่มีนโยบายเศรษฐกิจสมเหตุสมผล ไม่รวมประเทศที่มีเงินเฟ้อมากๆ เพราะพิมพ์เงินกระดาษมาใช้)