กรมประมง เร่งแก้สภาพคล่อง ดำเนินโครงการสินเชื่อผู้ประกอบการประมง เฟส 3 กว่า 3,000 ล้านบาท หลังต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงพุ่ง
นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เสนอโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมง ระยะที่ 3 ต่อคณะรัฐมนตรี ล่าสุด เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติ “อนุมัติ” โครงการดังกล่าวฯ ภายในกรอบวงเงิน 3,000 ล้านบาท
เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการประมงที่ยังคงประสงค์ให้ภาครัฐดำเนินโครงการต่อจากเฟส 2 เนื่องจากเป็นโครงการที่สามารถแก้ไขปัญหาสภาพคล่องให้กับพี่น้องชาวประมงได้ ประกอบกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ต้นทุนในการทำประมงสูงขึ้นจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการทำประมง
ดังนั้น โครงการดังกล่าวฯ จึงเป็นแนวทางที่เหมาะสมในการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในการประกอบอาชีพของพี่น้องชาวประมง ซึ่งนายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หลังเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ เพียงเดือนกว่า ได้เร่งผลักดันเรื่องนี้จนสำเร็จด้วยความมุ่งหมายที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการประมงทั้งประมงพื้นบ้านและประมงพาณิชย์ และเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำให้เกิดความยั่งยืนและสามารถพลิกฟื้นอุตสาหกรรมประมงไทยให้กลับมาเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของประเทศอีกครั้ง
โดยนายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะที่กำกับดูแลกรมประมงได้มอบหมายให้กรมประมงเร่งดำเนินการขับเคลื่อนโครงการนี้โดยเร็วที่สุด
สำหรับ โครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมง ระยะที่ 3 ชาวประมงสามารถกู้เงินทุนได้ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7 ต่อปี ซึ่งรัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยให้ร้อยละ 3 ต่อปี และผู้ประกอบการประมงต้องจ่ายเอง ร้อยละ 4 ต่อปี กำหนดชำระคืนเงินกู้ ไม่เกิน 7 ปี นับตั้งแต่วันที่กู้ แต่ไม่เกินระยะเวลาโครงการ โดยรูปแบบของสินเชื่อฯ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1) สินเชื่อเงินกู้ระยะสั้น เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในการประกอบอาชีพ เช่น ค่าใช้จ่ายในการจ้างแรงงานค่าน้ำมัน ค่าน้ำแข็ง ฯลฯ
2) สินเชื่อเงินกู้ระยะยาว เพื่อเป็นเงินทุนในการไปปรับปรุงเรือ ปรับเปลี่ยนเครื่องมือและอุปกรณ์ทำการประมง ซึ่งธนาคารของรัฐที่เข้าร่วมโครงการฯ ภายในกรอบวงเงิน 3,000 ล้านบาท มีรายละเอียด ดังนี้
· วงเงินสินเชื่อของธนาคารออมสิน จำนวน 2,000 ล้านบาท สำหรับเรือประมงขนาดตั้งแต่ 60 ตันกรอสขึ้นไป
· วงเงินสินเชื่อของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) จำนวน 1,000 ล้านบาท สำหรับเรือประมงขนาดต่ำกว่า 60 ตันกรอส
ทั้งนี้ เรือประมงที่จะเข้าร่วมโครงการฯ จะต้องมีทะเบียนเรือ กรณีเรือประมงพาณิชย์ต้องมีใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ด้วย และไม่เป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามที่เคยทำผิดกฎหมายประมงตามมาตรา 39 แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 หรือไม่อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีตามกฎหมายประมง และที่สำคัญไม่เป็นเรือประมงในกลุ่ม 923 ลำ ที่มีรายชื่ออยู่ในโครงการนำเรือออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืน ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เป็นการช่วยเหลือที่ซ้ำซ้อน
โดยหลังจากนี้ กรมประมงจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด อาทิ ธนาคารออมสิน ธกส. ประมงจังหวัด 22 จังหวัดชายทะเล สมาคมการประมงแห่งประเทศไทย และสมาคมการประมงในพื้นที่ ฯลฯ เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการฯ และเร่งดำเนินการให้ผู้ประกอบการประมงเข้าถึงสินเชื่อโดยเร็วต่อไป