นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีส่อเสียค่าโง่แสนล้านในคดีจำนำข้าว เนื่องจากอคส.และอตก.ฟ้องคดี 882 คดีไม่ทันส่อหมดอายุความหรือฟ้องผิดโกดังจนอัยการสั่งไม่ฟ้องนั้น
ผมเป็นอดีตส.ส.ที่ได้ยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการและแสดงเหตุผลชัดเจนในการคัดค้านการแต่งตั้งนางอินทิรา โภคปุณยารักษ์ เป็นผอ.อคส.ถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.ถึงสองครั้งสองหนเพื่อขอให้ระงับกรณีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีจะเสนอชื่อนางอินทิรา โภคปุณยารักษ์ จากธนาคารSme Bank.เป็นผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า
แต่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไม่ฟังเหตุผลที่ผมท้วงติง ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่เกิดเหตุการณ์ส่อแววอคส.และอตก.ฟ้องเอกชนในคดีรับจำนำข้าว 882 คดีไม่ทันอายุความ หรือแม้แต่ฟ้องเอกชนผิดรายทำให้อัยการสั่งไม่ฟ้อง ซึ่งในวงการนิติกรของรัฐเป็นที่รู้กันว่าหากฟ้องจำเลยผิดคลังสินค้า ถ้าไม่โง่ก็บ้า ไม่สมควรเป็นฝ่ายกฎหมายของรัฐเลยแม้แต่น้อย หรือมีใครมาสั่งการฝ่ายกฎหมายหรือไม่
ในการพิจารณางบประมาณแผ่นดินในปีงบประมาณ 2557 นางสาวสุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลังมาชี้แจงรายละเอียดการส่อทุจริตโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ นางสาวสุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลังชี้แจงกรรมาธิการงบประมาณตอนหนึ่งว่าในอคส.และอตก.มีการทุจริตในทุกขั้นตอน
ทั้งสองหน่วยงานสตง.ไม่เคยเซ็นต์รับรองงบดุลมาจนถึงปัจจุบัน และเป็นหน่วยงานที่ควรจะต้องมีการผ่าตัดปรับปรุงองค์กรให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใสและมีธรรมาภิบาลอย่างเด็ดขาดทันที ไม่ใช่เลี้ยงไข้ไว้ในยุครัฐบาลคสช.
ส่วนกรณีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์อ้างว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เร่งรัดนางอินทิรา ผอ.อคส.ไปแล้วให้ฟ้องแพ่งให้ทันก่อนสิ้นปีนี้
ผมคิดว่าทั้งอคส.และอตก.อาจฟ้องเอกชน 882 คดีในปี 2561 ไม่ทันอย่างแน่นอน และอาจส่อให้รัฐบาลเสียหายกว่าแสนล้านบาท พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.ไม่ควรนิ่งนอนใจเรื่องนี้ ท่านต้องสั่งการอย่างเด็ดขาดอย่าให้คนโกงลอยนวล
ส่วนนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์พูดเรื่องนี้เพียงครั้งเดียวยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจก็ลอยตัวหาเสียงไปวันๆ ทำให้ประชาชนสงสัยว่ารักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติในเรื่องจำนำข้าวมากน้อยแค่ไหน เพราะเห็นนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศื รมว.พาณิชย์มัวสาละวนหมกมุ่นอยู่กับเรื่องใบสั่งตั้งพรรคการเมืองเพื่อการสืบทอดอำนาจของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ถึงขนาดใช้ห้องประชุมของนายสนธิรัตน์ที่กระทรวงพาณิชย์กลายเป็นวอร์รูมของพรรคพลังประชารัฐ ประชุมทีมงานทุกสัปดาห์ และรวมถึงการสั่งหน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจให้สปอนเซ่อร์สื่อมวลชนที่สนับสนุนรัฐบาลนี้
มีบางคนไปแอบอ้างสื่อว่าต้องหักหัวคิวค่าโฆษณาไว้ 30% เพื่อเก็บไว้หนุนพรรคทหารจริงหรือไม่นายสนธิรัตน์ควรไปตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย