สพป.กส.เขต 3 ร่วมหารือทางออกแก้หนี้ ครูบำนาญ 33 ราย สร้างหนี้ล้นพ้นตัว ใช้เงินบำเหน็จตกทอด 30 เท่าของเงินเดือนค้ำประกันเงินกู้ ร้องยุติธรรมจังหวัดช่วยแก้หนี้ หวังให้กรมบัญชีกลางตัดเงินบำเหน็จตกชดใช้หนี้แทน
จากกรณี 33 ครูบำนาญ สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา กาฬสินธุ์ เขต 3 เมื่อ กลางเดือน กรฎาคม 2568 ที่ผ่านมา เข้ายื่นหนังสือกับ นายนพรุจ ตันมงคล ยุติธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อขอให้ช่วยเหลือ ให้เป็นคนกลางในการแก้ไขปัญหาหนี้สินกับสถาบันการเงิน (ธนาคารของรัฐ) ที่ครูบำนาญ ได้ไปกู้ยืมเงิน รายละไม่น้อยกว่า 4-6 ล้านบาท โดยมี เงินบำเหน็จตกทอด (เงินที่รัฐต้องจ่ายให้ทายาทครูบำนาญเมื่อเวลาที่ครูบำนาญเสียชีวิตไปแล้วในอัตรา 30 เท่าของอัตราเงินเดือนๆสุดท้ายครูเกษียณ) เป็นหลักค้ำประกันกับสถาบันการเงินต่างๆ)
ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา ครูบำนาญเหล่านี้ แต่ละคน ได้ยื่นเรื่องขอกู้ยืมเงินในทำนองเดียวกัน คนละ 2-3 สถาบันการเงินของรัฐ โดยผ่านการอนุมัติให้สามรถกู้ยืมเงินกับสถาบันการเงินของรัฐแต่ละแห่งได้จากผู้มีอำนาจลงนามของแต่เขตการศึกษาที่ครูบำนาญเหล่านี้สังกัดอยู่ ทำให้ครูบำนาญทั้ง 33 คน มีหนี้ล้นพ้นตัว หรือที่เรียกว่า "หนี้ข้ามชาติ" ชดใช้ หนี้สิน 100 กว่าปี ก็ชดใช้ไม่หมด เกินความสามารถที่ครูบำนาญเหล่านี้จะชำระหนี้คืนให้กับแต่ละสถาบันการเงินที่ตนกู้ยืมมา
จึงได้นำเรื่องให้ยุติธรรมจังกาฬสินธุ์ ช่วยเหลือ เนื่องจากในแต่ละเดือน ข้าราชการบำนาญบางรายที่ก็ยืม ถูกกรมบัญชีกลางหักเงินบำนาญแต่ละเดือนเพื่อนำกลับไปใช้หนี้ที่กู้ยืม จากสหกรณ์ออมทรัพย์ครู และสถาบันการเงินที่กู้ยืมมาทำให้เงินบำนาญแต่ละเดือนติดลบ สร้างความเดือนร้อนให้กับตนเองและครอบครัว
โดยคณะครูบำนาญ 33 ราย ยังได้เรียกร้องให้ สพป.กาฬสินธุ์ เขต 3 แจ้งกรมบัญชีกลางงดหักเงินบำนาญประจำเดือน โดยไม่ต้องนำไปใช้หนี้สถาบันการเงิน โดยยินดีให้กรมบัญชีกลางเคลมหรือใช้หนี้แทน (ยอมให้ตัดบำเหน็จตกทอดไปใช้หนี้แทน หลังจากเสียชีวิต ทายาทจะไม่ได้รับเงินก้อนนี้) ตามระเบียบการเงินการคลัง กรมบัญชีกลาง ปี 2554
นอกจากนี้ ครูบำนาญทั้ง 33 ราย ยังเรียกร้องให้ สพป.กาฬสินธุ์ เขต 3 เปลี่ยนวิธีการหักเงินเดือนบำนาญชำระหนี้ จากเดิม กรมบัญชีกลางต้องหักหนี้ที่กู้ยืมจาก สถาบันการเงินของรัฐต่างๆก่อนเป็นอันดับแรก ค่อยนำไปหักเงินกู้ยืมจากสหกรณ์ออมทรัพย์ครู (สอค.) และหนี้สินอื่นตามระเบียบสัญญากู้ยืมเงินเดิม
ให้เปลี่ยนเป็น ขอให้หักเงินที่กู้ยืมเงินจาก (สอค.) ก็เป็นอันดับแรกแทนก่อนนำไปหักกู้ยืมกับสถาบันการเงินเป็นอันดับต่อไป และยังได้เรียกร้องขอให้ ย้ายทะเบียนขึ้นเงินบำนาญ จาก สังกัด สพป.กาฬสินธุ์ เขต 3 ไป ขึ้นเงินเดือนบำนาญ กับ สพป.ขอนแก่น เขต 5 อีกด้วย
ซึ่งเรียกร้องเหล่านี้ ล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ 2 ก.ย.68 ที่ผ่านมา นายนพรุจ ตันมงคล ยุติธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่คุ้มครองสิทธิ์ สำนักงานยุติธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ และนายทวี ขาวผ่อง ในฐานะผู้ไกล่เกลี่ย ผู้ไกล่เกลี่ยประจำยุติธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้เข้าพบ นายชัยณรงค์ ฤทธิ์วงค์ รองผอ.สพป.กาฬสินธุ์ เขต 3 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินฯ ร่วมกันหารือเพื่อหาทางออกในข้อเรียกร้อง
โดยได้ข้อสรุปว่า ข้อเรียกร้องที่งดหักเงินบำนาญเพื่อนำไปใช้หนี้สถาบันการเงินของแต่ละเดือนไม่สามารถทำให้ได้เนื่องจากผิดระเบียบการเงินการคลังของกรมบัญชีกลาง ลงวันที่ 13 ส.ค. 2568 และจะเป็นการลักลั่น ทำให้ทายาทครูบำนาญกว่า 2,000 ราย ที่สังกัด สพป.กาฬสินธุ์ เขต 3 เสียสิทธิ ไม่สามารถรับเงินบำเหน็จตกทอดได้ เพราะเงินบำเหน็จตกทอดที่นำไปค้ำประกันไว้กับสถาบันการเงินจะถูกเคลมโดยอัตโนมัติทุกรายชื่อครูบำนาญเมื่อเสียชีวิตลง
ส่วนกรณี จะให้ สพป.กาฬสินธุ์ เขต 3 แจ้งกรมบัญชีกลาง ขอให้หักเงินบำนาญประจำเดือน ของ สอค.ก่อน ค่อยหักไปให้สถาบันการเงินภายหลัง ก็ไม่สามารถดำเนินการให้ได้ เนื่องจาก สพป.กาฬสินธุ์ เขต 3 ได้รับข้อมูลจาก สอค.กาฬสินธุ์ ว่ามีครูบำนาญ ที่กู้ยืมเงินกับ สอค.กาฬสินธุ์ หลายท่าน ไปขอทำเรื่องเพิ่มวงเงินหักเงินบำนาญฯ เพื่อชำระหนี้เข้าบัญชีตนเองเกินวงเงินที่ต้องชำระหนี้ ของแต่ละเดือน
ซึ่งเงินที่หักเกินวงเงินที่ต้องชำระหนี้ จะเป็นเงินฝากสะสม ของเจ้าของบัญชี และสามารถเบิกออกมาใช้ได้ และเมื่อหักใช้หนี้กับ สอค. มากเกินจนไม่เหลือเงินต่ำกว่า 30% ของเงินเดือน กรมบัญชีกลาง ก็ไม่สามารถหักเงินบำนาญฯ ครูได้อีก ตามระเบียบ ที่มีคำสั่งศาลปกครองสั่งห้ามมิให้หักเงินเดือนครูอีก หากเงินเดือนเหลือน้อยกว่า 30% ของเงินเดือน
ส่วนข้อเรียกร้องหลังสุด คณะผู้เข้าร่วมหาหรือ ลงความเห็น หากครูบำนาญ มีความประสงค์จะขอย้ายสังกัด การขึ้นทะเบียนเงินบำนาญฯ ก็สามารถทำได้
ภาพข่าว ศุภกร อรรคนันท์