Road To PMQA 4.0 Awards
ONEP สู่การเป็นองค์กรดิจิทัล: ขับเคลื่อนด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งสู่ประชาชนและผลประโยชน์ของชาติ
ในยุคที่โลกก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ได้วางรากฐานการทำงานที่ทันสมัยภายใต้วิสัยทัศน์ “ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อประชาชน” โดยมุ่งเป้าหมายสู่การเป็น “องค์กรดิจิทัล ONEP 4.0” ซึ่งเน้นความถูกต้อง รวดเร็ว และผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ เส้นทางสู่รางวัล PMQA 4.0 ไม่ได้มาจากการทำงานเพียงลำพัง แต่มาจากการมองเป้าหมายเดียวกันของทุกคนทำให้เกิดทีมงานที่แข็งแกร่ง เกิดการบูรณาการและปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานอย่างเป็นระบบ
เปิดกลยุทธ์ “C-C-D” เพื่อก้าวสู่ PMQA 4.0
สผ. ได้นำกรอบแนวคิด “C-C-D” มาเป็นหัวใจในการขับเคลื่อนองค์กร ซึ่งประกอบไปด้วย :
• Collaboration (การทำงานร่วมกัน) : สผ. มุ่งเน้นการสร้างเครือข่ายและสนับสนุนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน มีการเชื่อมโยงและแบ่งปันข้อมูลระหว่างองค์กรทั้งภายในและภายนอก
• Change Management (การปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน) : สผ. ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัยเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
มีการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับการบริการและการบริหารจัดการ
• Digital Transformation (การก้าวทันเทคโนโลยีดิจิทัล) : มุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพของบุคลากรให้เป็น “บุคลากรพันธุ์ดิจิทัล” และนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการและความคาดหวังของผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้อย่างแม่นยำ
ภาพที่ 1 นโยบาย ONEP 4.0
ผลงานที่เป็นรูปธรรม : รากฐานแห่งความสำเร็จ
ความมุ่งมั่นของ สผ. ได้ปรากฏเป็นรูปธรรมผ่าน 3 ผลงานสำคัญที่สอดคล้องกับมิติของราชการ 4.0 และสร้างคุณค่าอย่างแท้จริงต่อประชาชนและประเทศชาติ โดยยึดหลักการ :
Open & Connected Government ที่มีการเชื่อมโยงและแบ่งปันข้อมูลระหว่างองค์กรทั้งภายในและภายนอก ผลลัพธ์ที่ชัดเจนคือ “ระบบประเมินผลดัชนีสมรรถนะสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย (EPI Thailand)” ซึ่งเป็นการบูรณาการข้อมูลร่วมกันจาก 24 หน่วยงานใน 9 กระทรวง เพื่อใช้เป็นเครื่องมือประกอบการตัดสินใจในการกำหนดนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์ต่อทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในการวางแผนและตัดสินใจ ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลคุณภาพสิ่งแวดล้อมได้ง่ายขึ้น ส่วน สผ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถใช้ข้อมูลนี้ในการกำหนดนโยบายและแผนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ยกระดับการบริการเพื่อประชาชน สผ. ได้ร่วมกันพัฒนาระบบเพื่อยกระดับการบริการให้ตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการอย่างแท้จริง ตัวอย่างที่โดดเด่นคือ “ศูนย์ข้อมูลการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Smart EIA Plus)” ที่เปลี่ยนการทำงานจากรูปแบบเดิมสู่ One Stop Service ด้วย 3 ชุดข้อมูล ได้แก่ ข้อมูลผู้จัดทำรายงาน EIA ข้อมูลรายงาน EIA และข้อมูลรายงาน Monitor รวมถึงการพัฒนาระบบ e-Report/e-Registration/e-Document/e-License/e-Tracking/e-Payment ซึ่งช่วยลดขั้นตอนและระยะเวลาในการประสานงาน ทำให้ทราบผลการพิจารณาทันที นอกจากนี้ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจัดทำรายงาน EIA ได้อย่างมาก
สร้างนวัตกรรมเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด สผ. ได้แสดงให้เห็นถึงขีดสมรรถนะที่สูงและทันสมัยด้วยการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง “ระบบช่วยตัดสินใจการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านสิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรมด้วยเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศแบบอัตโนมัติ (รู้แหล่ง แจ้งไว)” เป็นผลงานที่โดดเด่นจากการทำงานร่วมกัน ด้วยข้อมูลวิชาการและข้อมูลเชิงพื้นที่ มากกว่า 10 ชั้นข้อมูล ที่ถูกต้อง รวดเร็ว ระบบนี้ลดขั้นตอนการตรวจสอบฯ ลงจาก 18 ขั้นตอน เหลือเพียง 3 คลิกภายใน 15 วินาที ช่วยให้ผู้ประกอบการและผู้เกี่ยวข้องสามารถตรวจสอบพื้นที่และวางแผนโครงการได้อย่างแม่นยำ และช่วยป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ทันท่วงที
การทำงานเป็นทีม : หัวใจสำคัญสู่ความสำเร็จ
ความสำเร็จเหล่านี้เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า การทำงานเป็นทีมที่บูรณาการและปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานอย่างเป็นระบบ คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ สผ. บรรลุเป้าหมาย และได้รับการยอมรับจนนำมาซึ่งรางวัล PMQA 4.0 ในที่สุด และ สผ. ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาต่อไปในอนาคต ด้วยเป้าหมายที่จะ “ยกระดับสู่องค์การดิจิทัล” และสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อสามารถให้บริการแก่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ซึ่งทั้งหมดนี้คือบทสรุปของเส้นทางที่นำไปสู่รางวัล PMQA 4.0 อันทรงเกียรติ ซึ่งมาด้วยความภาคภูมิใจของชาว สผ. และเชื่อว่าจะเป็นแรงผลักดันให้องค์กรนี้มุ่งมั่นพัฒนางานเพื่อประชาชนและประเทศชาติต่อไป